ราคาน้ำมันดิบเบรนต์และเวสต์เทกซัสปรับลดลงเล็กน้อย หลังนักลงทุนเทขายเพื่อล็อกกำไร

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคามีดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนต์และเวสต์เทกซัสปรับลดลง หลังนักลงทุนเทขายเพื่อล็อกกำไรภายหลังราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 4% ในวันก่อนหน้า จากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เพิ่มสูงขึ้น

โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 12 มิ.ย. 68 อยู่ที่ 68.04 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -0.11 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 69.36 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -0.41 เหรียญสหรัฐ

สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางปรับเพิ่มสูงขึ้น หลังอิสราเอลเปิดปฎิบัติทางการทหารต่ออิหร่าน โดยรายงานข่าวเบื้องต้นบ่งชี้ว่าเป้าหมายการโจมตีในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับฐานที่มั่นทางทหารและโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน การเปิดปฎิบัติทางการทหารดังกล่าวคาดจะมีความเข้มข้นกว่าครั้งก่อนที่เกิดขึ้นในเดือน เม.ย. และ ต.ค. 67 ภายหลังกลุ่มติดอาวุธที่หนุนโดยอิหร่านในภูมิภาคอ่อนแอลงมากเมื่อเทียบกับครั้งก่อนหน้า

โดย JP Morgan คาดหากความขัดแย้งในภูมิภาคดังกล่าวปรับเพิ่มสูงขึ้นจนกระทั่งมีการปิดช่องแคบฮอร์มุซ จะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทะยานพุ่งสูงขึ้นได้

ดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน (Core PPI) ของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 3.0% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 3.1% ตัวเลขดังกล่าวมีทิศทางสอดคล้องกับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งประกาศออกมาก่อนหน้า ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงภาพอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณการนำเข้าน้ำมันเบนซินของเวียดนามในเดือน พ.ค. 68 ปรับลดลง 54.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดกังวลต่อการที่สหภาพยุโรปเตรียมพิจารณาการกำหนดเพดานราคา (Price Cap) ครั้งใหม่ต่อรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดีเซลของเวียดนามในเดือน พ.ค. 68 ซึ่งปรับลดลง 3.8% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า