‘พาณิชย์’ จับมือกรมที่ดิน ลุยตรวจสอบนอมินีสวนทุเรียนเมืองจันทบุรี พบเป็นบริษัททุนสูงถึง 1,000 ล้านบาท ถือครองที่ดินเกือบ 200 แปลง กว่า 900 ไร่ มีคนไทยถือหุ้นต่อคนต่างชาติ 53 ต่อ 47 จึงถือเป็นบริษัทไทย แต่ลุยตรวจสอบหุ้นไทยเป็นการถือหุ้นจริงหรือนอมินี เหตุการทำสวนเป็นธุรกิจต้องห้ามคนต่างด้าว หากพบผิดฟันไม่เลี้ยง
13 มิ.ย. 2568 – นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก ร.ต.จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายว่าได้ลงพื้นที่ร่วมกับกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย นำโดยนายทศพร มิตรนิโยดม รองอธิบดีกรมที่ดิน พร้อมคณะจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อเข้าตรวจสอบบริษัทแห่งหนึ่งในเขตอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี โดยบริษัทนี้มีทุนจดทะเบียนกว่า 1,000 ล้านบาท มีการถือครองที่ดินเกือบ 200 แปลง รวมพื้นที่กว่า 900 ไร่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกสวนทุเรียน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลทางทะเบียนของบริษัทดังกล่าว พบว่า มีสัดส่วนการถือหุ้นคนไทยต่อชาวต่างชาติ 53 ต่อ 47 จึงถือว่าเป็นบริษัทไทย แต่เนื่องจากการทำนา ทำไร่ หรือทำสวน เป็นธุรกิจต้องห้ามไม่ให้คนต่างด้าวทำโดยเด็ดขาด เพื่อสงวนไว้ให้คนไทย อีกทั้งเป็นธุรกิจที่มีผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จึงต้องมีการตรวจสอบว่าการถือหุ้นในสัดส่วนของคนไทยนั้น เป็นการถือหุ้นที่แท้จริงหรือไม่ หรือเป็นนอมินี
“การลงพื้นที่ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานในพื้นที่และจากพนักงานบริษัท และมีหนังสือสั่งการให้บริษัทและผู้ถือหุ้นชี้แจงข้อเท็จจริงและส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบโดยละเอียด หากพบว่ามีการกระทำการที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ก็จะดำเนินคดีอย่างเข้มงวด”
นายนภินทร กล่าวว่า การปฏิบัติการร่วมในครั้งนี้ มาจากความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจและการถือครองที่ดิน ภายใต้ MOU ระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและกรมที่ดิน โดยกระทรวงพาณิชย์จะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบสวน แสวงหาข้อเท็จจริง และจับกุมปราบปรามกลุ่มทุนต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง และขอเตือนคนไทยที่ยินยอมให้ชาวต่างชาติเอาชื่อของตนไปใช้ในการประกอบธุรกิจ ถ้าคิดจะทำหรือกำลังทำอยู่ก็ให้หยุดเสีย เพราะปัญหาที่ตามมาจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่คิด อาจถูกดำเนินคดีข้อหาให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย
โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลจะสั่งให้เลิกการถือหุ้นหรือการเป็นหุ้นส่วนนั้น หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอต่อ ปปง. ให้การกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งจะทำให้สามารถยึดหรืออายัดทรัพย์สินของบริษัทและของผู้ถือหุ้น ทั้งชาวต่างชาติและคนไทยที่กระทำความผิดตามกฎหมายฉบับนี้ได้
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งมีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งตรวจสอบบริษัทที่มีชาวต่างชาติถือหุ้นกรณีที่ประกอบธุรกิจที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ว่ามีพฤติกรรมที่ใช้คนไทยถือหุ้นแทน (นอมินี) เพื่อเลี่ยงกฎหมายหรือไม่ และในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ก.ย.67-พ.ค.68) ได้มีการดำเนินคดีกับบริษัทและผู้ถือหุ้นที่กระทำความผิดตามกฎหมายฉบับนี้แล้ว 861 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 15,296.60 ล้านบาท