กรณีสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงแรงงาน จัดซื้ออาคาร “Skyy9” มูลค่า 7,000 ล้านบาท กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในแวดวงการเมืองและสังคม เมื่อมีการตั้งข้อสังเกตจากหลายฝ่ายว่าราคาดังกล่าวสูงเกินความเป็นจริงถึงกว่าเท่าตัว ส่งผลให้เกิดการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทั้งภายในและจากหน่วยงานภายนอก รวมถึงการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่อยู่ในเป้าหมายหลักของการตรวจสอบในครั้งนี้คือ นายสุชาติ ชมกลิ่น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ผู้มีบทบาทในการอนุมัติการจัดซื้อดังกล่าว ผลกระทบต่อเส้นทางการเมืองของนายสุชาติ รวมถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระทรวงแรงงานและระบบราชการไทย จึงกลายเป็นเรื่องที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
การจัดซื้อ Skyy9: จากความหวังสู่ข้อครหา
การจัดซื้ออาคาร Skyy9 เดิมมีเป้าหมายเพื่อรองรับการขยายภารกิจของสำนักงานประกันสังคม ที่ต้องการพื้นที่สำนักงานที่ทันสมัย และเพียงพอในการให้บริการกับประชาชนและผู้ประกันตน ทว่า กลับเกิดข้อครหาว่าราคาซื้อ 7,000 ล้านบาท สูงกว่าราคาตลาดจริงอย่างน่ากังขา
ข้อมูลจากสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย และรายงานของกระทรวงมหาดไทยระบุว่า ราคาที่สมเหตุสมผลของอาคารควรอยู่ที่ประมาณ 3,000 – 3,800 ล้านบาท เท่านั้น ขณะที่ข้อมูลการประเมินที่ใช้ประกอบการซื้อขายถูกตั้งคำถามว่าเป็นการประเมินจากแหล่งเดียวโดยไม่มีการเปรียบเทียบ ซึ่งขัดต่อหลักการบริหารงบประมาณอย่างโปร่งใส
ปฏิกิริยาและการดำเนินการจากหน่วยงานต่าง ๆ
1. กระทรวงแรงงาน ตั้งกรรมการสอบวินัย
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนปัจจุบัน ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้ออาคาร Skyy9 โดยระบุว่าจะไม่มีการแทรกแซง และจะเชิญผู้เชี่ยวชาญภายนอกเข้ามาเป็นประธานกรรมการ เพื่อให้กระบวนการสอบสวนเป็นไปอย่างโปร่งใสและน่าเชื่อถือ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2568
2. ป.ป.ช. เข้าสอบสวน
ส.ส. พรรคประชาชน ได้แก่ น.ส.รักชนก ศรีนอก และนายสหัสวัต คุ้มคง ได้ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ นายสุชาติ ชมกลิ่น และผู้บริหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการอนุมัติการจัดซื้อครั้งนี้ ว่ามีเจตนาทุจริตหรือปล่อยปละละเลยจนทำให้รัฐได้รับความเสียหายหรือไม่
3. กระทรวงมหาดไทยชี้ชัด “ซื้อแพงเกินจริง”
รายงานผลสอบของ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรัฐมนตรีผู้กำกับดูแล ได้ส่งผลสอบมายังกระทรวงแรงงาน โดยระบุว่า ราคาที่เหมาะสมของอาคารควรอยู่ที่ ราว 3,000 ล้านบาท เท่านั้น พร้อมเรียกร้องให้มีการดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่า
ผลกระทบต่อะทบต่อ “สุชาติ ชมกลิ่น” และผู้เกี่ยวข้อง
1. ความเสียหายต่อภาพลักษณ์ทางการเมือง สำหรับ นายสุชาติซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีและหนึ่งในแกนนำพรรคการเมืองสายรัฐบาล การถูก ป.ป.ช. ตรวจสอบในกรณีอื้อฉาวที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณจำนวนมหาศาลเช่นนี้ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อความน่าเชื่อถือ และโอกาสในการกลับมาเล่นบทบาทใหญ่ในเวทีการเมืองอีกครั้ง โดยเฉพาะในยุคที่สังคมเรียกร้อง “การเมืองโปร่งใส” เป็นหัวใจหลัก
แม้ว่าผลสอบจะยังไม่สรุปชี้ชัดว่านายสุชาติมีความผิด แต่ภาพลักษณ์ของนักการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับดีลอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 7,000 ล้านบาทที่ถูกมองว่า “แพงเวอร์” ก็ยากที่จะลบออกจากความทรงจำของสาธารณชนในเร็ววัน
2. ความเสี่ยงต่อการดำเนินคดีอาญาและวินัยร้ายแรง
หากผลสอบพบว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงแรงงาน หรือแม้กระทั่งรัฐมนตรี มีส่วนร่วมรู้เห็นหรือปล่อยปละละเลยในกระบวนการอนุมัติที่ไม่โปร่งใส ก็อาจนำไปสู่การดำเนินคดีอาญาในข้อหาทุจริตต่อหน้าที่ รวมถึงโทษทางวินัยร้ายแรง ซึ่งจะเป็น “จุดจบทางการเมือง” อย่างสิ้นเชิง
กรณีของนายสุชาติอาจถูกตีความว่าเป็นผู้มีอำนาจในการสั่งการ หรืออย่างน้อยที่สุด ก็มีหน้าที่ในการกำกับดูแล และหากละเลยต่อหลักธรรมาภิบาล ก็อาจตกเป็นผู้รับผิดชอบโดยอ้อมได้เช่นกัน
3. แรงกดดันจากพรรคการเมืองและมวลชน
การเคลื่อนไหวของ ส.ส. พรรคประชาชน ในการยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. นั้น ไม่ได้สะท้อนแค่แรงกดดันในเชิงนิติบัญญัติเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณของแรงกระเพื่อมในเชิงการเมือง ที่อาจนำไปสู่การเรียกร้องความรับผิดชอบต่อพรรคการเมืองที่สุชาติเคยสังกัด หรืออาจยังมีความเกี่ยวพันอยู่ในทางอ้อม
หากพรรคการเมืองอดีตต้นสังกัดไม่แสดงท่าทีชัดเจนในการตรวจสอบหรือสนับสนุนความโปร่งใส อาจเผชิญกับการเสื่อมศรัทธาจากมวลชนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง
ข้อสังเกตต่อระบบราชการและการใช้จ่ายงบประมาณ
กรณี Skyy9 ยังสะท้อนภาพใหญ่ของปัญหาในระบบราชการไทย คือ การประเมินราคาและอนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมาก โดยขาดกลไกตรวจสอบที่เข้มแข็งและเป็นอิสระ การใช้ราคาประเมินจากแหล่งเดียว ไม่มีการเปรียบเทียบ หรือเปิดให้เกิดการแข่งขันที่โปร่งใส ล้วนเป็นจุดอ่อนที่อาจนำไปสู่การทุจริตอย่างเป็นระบบ
การสั่งซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการใช้ภาครัฐควรเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า มีราคาตลาดที่พิสูจน์ได้ และผ่านกระบวนการกลั่นกรองหลายขั้นตอน เพื่อปกป้องภาษีของประชาชน
แนวทางแก้ไขและบทเรียนในอนาคต
การสอบสวนต้องเป็นอิสระและโปร่งใส การเลือกกรรมการสอบจากภายนอก เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ต้องมีการเปิดเผยผลสอบต่อสาธารณะเพื่อสร้างความเชื่อมั่น
ควรมีการตรวจสอบจากหน่วยงานอิสระอย่างสตง. และ ป.ป.ช. อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การจัดซื้อในอนาคตเป็นไปตามมาตรฐานสากล
ส่งเสริมการประเมินจากหลายแหล่ง และใช้ระบบการประมูลอย่างเปิดเผยเพื่อป้องกันการล็อกสเปกหรือตกลงราคานอกระบบ
บทลงโทษต้องชัดเจนและเด็ดขาด: หากพบผู้กระทำผิด ต้องมีบทลงโทษทั้งในทางวินัยและอาญาอย่างจริงจัง เพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ในระบบราชการ
ทั้งนี้กรณีจัดซื้ออาคาร Skyy9 กลายเป็นประเด็นทดสอบความโปร่งใสของภาครัฐ โดยเฉพาะต่ออดีตรัฐมนตรีอย่างนายสุชาติ ชมกลิ่น ซึ่งกำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างมหาศาลจากทั้งสังคมและกระบวนการสอบสวน
ขณะเดียวกัน ประเด็นนี้ยังเป็นเครื่องสะท้อนโครงสร้างการใช้งบประมาณในระบบราชการไทยที่ต้องการการปฏิรูปอย่างเร่งด่วน หากประเทศไทยยังต้องการเดินหน้าสู่ความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล และเป็นรัฐที่ประชาชนสามารถไว้วางใจได้อย่างแท้จริง
#Skyy9 #สุชาติชมกลิ่น #สอบสวนราชการ #ข่าวการเมือง #จัดซื้อรัฐ #ปปช #สปส #ดีลทุจริต #สำนักงานประกันสังคม #ข่าวนโยบาย