บี.กริมฯผนึกดิจิทัล เอดจ์ สิงคโปร์ ผุดดาต้าเซ็นเตอร์ ลั่นเป้าหมายปักหมุดอีอีซี 300 เมกะวัตต์ ลงทุนแสนล้าน โปรยยาหอมไทยปัจจัยพื้นฐานพร้อมสุด
นายนพเดช กรรณสูต BGRIM ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจในประเทศไทยและโซลูชั่นธุรกิจอุตสาหกรรม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า BGRIM ได้ร่วมลงทุนกับบริษัท ดิจิทัล เอดจ์ (สิงคโปร์) โฮลดิ้งส์ จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดาต้าเซ็นเตอร์ชั้นนำในเอเชีย ภายใต้ Digital Edge B.Grimm (TH) Holding Pte. Ltd, สัดส่วนถือหุ้น BGRIM อยู่ที่ 40% และดิจิทัล เอดจ์ อยู่ที่ 60% เพื่อพัฒนาศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ไฮเปอร์สเกลและรองรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) มูลค่าโครงการ 24,520 ล้านบาท
โดยการดำเนินงานแบ่งออกเป็น 2 เฟส เฟสแรกจะมีกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 16,000 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ช่วงปลายปี 2569 ส่วนเฟสที่สองอีก 48 เมกะวัตต์ คาดว่าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ช่วงปี 2571
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนขยายความร่วมมือเพิ่มเป็น 300 เมกะวัตต์ ในอีก 5 ปีข้างหน้า คาดว่าใช้เงินลงทุนรวม 80,000-100,000 ล้านบาท ซึ่ง BGRIM เล็งเห็นศักยภาพในพื้นที่เขตอีอีซี เนื่องจากมีความพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวก มีระบบสายส่งไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพ ตอบโจทย์วัตถุประสงค์ของดาต้าเซ็นเตอร์ที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง และยังคาดการณ์ว่า เป้าหมาย 300 เมกะวัตต์ จะยังคงอยู่ในพื้นที่เขตอีอีซี
ด้านนายจอห์น ฟรีแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดิจิทัล เอดจ์ ระบุว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดดิจิทัลที่มีศักยภาพสูงสุดในเอเชีย จึงได้นำโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดมาสู่ไทย โดยเหตุผลที่เลือกประเทศไทยในการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์นั้น เนื่องจากไทยมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน มีความน่าเชื่อถือ โดดเด่น โดยเฉพาะด้านการส่งมอบพลังงาน ควบคู่ไปกับด้านอื่น ๆ เช่น น้ำ สาธารณูปโภค, ระบบนำส่งสัญญาณ, 5G ซึ่งดาต้าเซ็นเตอร์ต้องการเสถียรภาพด้านพลังงานสูงมาก นับเป็นโจทย์สำคัญเพื่อรองรับการใช้บริการและการลงทุนในประเทศไทยและพัฒนาได้ในระยะยาว ความร่วมมือดังกล่าวได้รับการสนับสนุนและผลักดันจากหน่วยงานภาครัฐให้เกิดโครงการนี้ได้ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ รัฐบาลไทยมีความพร้อมและมีความโดดเด่นในการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนด้านเทคโนโลยี ดาต้าเซ็นเตอร์
สำหรับดิจิทัล เอดจ์ เป็นที่รู้จักในฐานะแพลตฟอร์มดาต้าเซ็นเตอร์ที่เติบโตรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพด้านพลังงานในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยมีศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ที่เปิดดำเนินการและอยู่ระหว่างก่อสร้างรวม 24 แห่ง ครอบคลุม 9 ประเทศ และมีกำลังไฟฟ้าสำรองกว่า 1.1 จิกะวัตต์ ซึ่งการลงทุนมากที่สุดอยู่ในมุมไบ อินเดีย รองลงมา คือ เกาหลีใต้