กบน. ลดอัตราเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ เบนซิน-ดีเซล กว่าวันละ 74 ล้านบาท ตรึงราคาหน้าปั๊ม มีผล 17 มิ.ย. 68 เป็นต้นไป
GH News June 16, 2025 07:06 PM

กบน. ลดอัตราเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ เบนซินและดีเซล กว่าวันละ 74 ล้านบาท ตรึงราคาหน้าปั๊ม ให้มีผล 17 มิ.ย. 68 เป็นต้นไป เพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศไม่ให้ปรับเพิ่มขึ้น บรรเทาผลกระทบประชาชนจากเหตุการณ์ตะวันออกกลาง

16 มิ.ย. 2568 – นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่าการประชุม กบน. วันนี้ได้มีการประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด หลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยราคาน้ำมันดิบดูไบได้ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 72.50 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล น้ำมันเบนซินอยู่ที่ 85.44 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 88.02 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศ และค่าครองชีพของประชาชนโดยตรง 

ทั้งนี้ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนจากราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้น และไม่ให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าครองชีพในช่วงที่สถานการณ์วิกฤตพลังงานกำลังเกิดขึ้น กบน. จึงมีมติให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล โดยใช้กลไกอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาช่วยรักษาเสถียรภาพ และพยุงราคาน้ำมันในประเทศ ไม่ให้กระทบกับความต่อเนื่องในการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันฯ ในระยะยาว ดังนี้ น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 จากเดิม 3.00 บาท เหลือ 2.40 บาท น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 จากเดิม 3.00 บาท เหลือ 2.40 บาท น้ำมันแก๊สโซฮอล อี20 จากเดิม 1.80 บาท เหลือ 1.30 บาท น้ำมันแก๊สโซฮอล อี85 คงเดิมที่ 3.60 บาท น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา จากเดิม 2.40 บาท เหลือ 1.50 บาท น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา พรีเมี่ยม จากเดิม 3.90 บาท เหลือ 3.00 บาท

สำหรับการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าวให้มีผลตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. 2568 เป็นต้นไป เพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศไม่ให้ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้รายรับของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทน้ำมันทุกชนิด (รวมถึงน้ำมันเตา) ลดลงประมาณวันละ 74.41 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายรับประมาณวันละ 241.64 ล้านบาท เหลือประมาณวันละ 167.23 ล้านบาท โดยปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 15 มิ.ย. 2568 ติดลบอยู่ที่ 36,268 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันบวกอยู่ที่ 8,244 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 44,512 ล้านบาท

นายพรชัย กล่าวว่า การดำเนินมาตรการครั้งนี้เป็นไปตามบทบาทของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาเสถียรภาพด้านราคาพลังงานของประเทศเมื่อเกิดวิกฤตด้านราคาพลังงาน ภายใต้กรอบของพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 โดยยึดหลักการ “เปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้” พร้อมยืนยันว่า กบน.จะติดตามสถานการณ์น้ำมันโลกอย่างใกล้ชิด และพร้อมดำเนินมาตรการที่เหมาะสม เพื่อดูแลและป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชนให้มากที่สุด

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.