17 มิถุนายน 2568 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ตามที่ สปสช. ได้ดำเนินการร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ "บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ประจำปี 2568" สิทธิประโยชน์กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง 30 บาท
ภายใต้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเพื่อดูแลคนไทยทุกสิทธิการรักษาพยาบาล 7 กลุ่มเสี่ยงช่วยลดภาวะแทรกซ้อนและเจ็บป่วยรุนแรง รวมถึงการเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ โดยตั้งเป้าหมายให้บริการ 4,335,380 คน กำหนดระยะเวลารณรงค์ฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 2568
จากการดำเนินรณรงค์ฉีดวัคซีนถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา มีประชาชนกลุ่มเสี่ยงเข้ารับบริการฉีดวัคซีนแล้วจำนวน 1,960,955 คน คิดเป็นร้อยละ 45.23 ของเป้าหมาย โดยแยกเป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่
1. ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปี จำนวน 1,001,162 คน
2. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค จำนวน 966,925 คน (ปอดอุดกั้นเรื้อรัง, หอบหืด, หัวใจ, หลอดเลือดสมอง,ไตวาย, เบาหวาน และผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด)
3. โรคอ้วน (>100 กก. / BMI > 35 kg/m2) จำนวน 36,392 คน
4. โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) จำนวน 27,180 คน
5. เด็กอายุ 6 เดือน - 2 ปี จำนวน 1,785 คน
6. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ จำนวน 576 คน
7. หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ที่แนะนำ 12 - 20 สัปดาห์ (สามารถให้ได้ตลอดการตั้งครรภ์)
ทั้งนี้ เมื่อดูข้อมูลอื่น ๆ ของการให้บริการ พบว่าประชาชนสิทธิบัตรทองได้รับการฉีดวัคซีนมากที่สุด คือ ที่จำนวน 1,534,613 คน รองลงมาเป็นสิทธิสวัสดิการข้าราชการจำนวน 304,165 คน สิทธิประกันสังคมจำนวน 80,028 คน และสิทธิอื่นๆ อีกจำนวน 42,131 คน
จากข้อมูลการให้บริการนี้จะเห็นได้ว่า หน่วยบริการแต่ละแห่งต่างเร่งให้บริการวัคซีนเพื่อให้กลุ่มเสี่ยงมีภูมิคุ้มกันโรค โดย 5 อันดับแรกของหน่วยบริการที่ให้บริการฉีดวัคซีนสูงสุด คือ
1. โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า นนทบุรี บริการฉีดวัคซีนจำนวน 16,689 คน จากเป้าหมายจำนวน 20,855 คน (80%)
2. โรงพยาบาลสมุทรสาคร บริการฉีดวัคซีน จำนวน 15,374 คน จากเป้าหมาย จำนวน 19,760 คน (78%)
3. โรงพยาบาลสงขลา บริการฉีดวัคซีน จำนวน 14,575 คน จากเป้าหมาย จำนวน 15,170 คน (96%)
4. โรงพยาบาลสมุทรปราการ บริการฉีดวัคซีน จำนวน 14,510 คน จากเป้าหมาย จำนวน 23,500 คน (62%)
5. โรงพยาบาลอุดรธานี บริการฉีดวัคซีน จำนวน 13,053 คน จากเป้าหมาย จำนวน 28,110 คน (46%)
นอกจากนี้เมื่อดูข้อมูลจังหวัดที่มีประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงมารับบริการฉีดวัคซีนสูงสุด 5 อันดับแรก คือ
1. กรุงเทพฯ รับบริการแล้วจำนวน 160,458 คน จากเป้าหมายจำนวน 387,320 คน (41%)
2. ขอนแก่น จำนวน 59,353 คน จากเป้าหมาย 125,960 คน (47%)
3. สงขลา 58,759 คน จากเป้าหมาย 99,180 คน (59%)
4. นครราชสีมา จำนวน 57,665 คน จากเป้าหมายจำนวน 154,580 คน (37%)
5. ชลบุรี จำนวน 53,768 คน จากเป้าหมาย 103,540 คน (52%)
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลการให้บริการฉีดวัคซีนในช่วงเดือน พฤษภาคม – มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงรณรงค์จึงขอเชิญชวนให้ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงมารับบริการ สำหรับการรณรงค์ฉีดวัคซีนมักดำเนินการในช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม ของทุกปี เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันทันก่อนฤดูระบาดของไข้หวัดใหญ่ ซึ่งในไทยจะอยู่ช่วงฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาว คือ เดือนมิถุนายน – กุมภาพันธ์ ซึ่งภูมิคุ้มกันจะเริ่มมีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์หลังการฉีด และอยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน
นอกจากนี้วัคซีนที่ให้บริการในแต่ละปียังผลิตขึ้นให้ตรงกับสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ที่คาดว่าจะระบาดในปีนั้น ตามองค์การอนามัยโลกเป็นผู้กำหนดสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่จะนำมาผลิตวัคซีน การฉีดในช่วงรณรงค์จึงมั่นใจได้ว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพดีที่สุด
สำหรับการเข้ารับบริการฯ สามารถติดต่อขอรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ที่หน่วยบริการในระบบบัตรทองได้ทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ กทม. และคลินิกชุมชนอบอุ่นที่เข้าร่วมโครงการ หรือสถานพยาบาลตามสิทธิที่ท่านไปรักษาเป็นประจำ