เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายธัชชญาณ์ณัช เจียรธนัทกานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา เพื่อพิจารณากรณีสำคัญที่ สมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทยถูกสหพันธ์เปตองนานาชาติ (FIPJP) และสหพันธ์เปตองและโบว์ลโลก (WPBF) เพิกถอนการเป็นสมาชิก และสหพันธ์เปตองโลกได้ยืนยันชัดเจนว่า หากคณะกรรมการบริหารสมาคมชุดที่ถูกแบนยังคงจัดการแข่งขันซีเกมส์อยู่ สหพันธ์ฯ จะสั่งแบนการแข่งขันเปตองในซีเกมส์ รวมถึงแบนนักกีฬาจากทุกชาติที่มาร่วมแข่งขัน ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อภาพลักษณ์ของประเทศและโอกาสของนักกีฬา
การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายหลักคือ การหาทางออกร่วมกันเพื่อไม่ให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อนักกีฬาและชื่อเสียงของประเทศไทย โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญผู้แทนจาก สมาคมเปตองแห่งประเทศไทย คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย และ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เข้าร่วมหารือซึ่งตลอดระยะเวลากว่าสามชั่วโมงของการประชุม คณะกรรมาธิการฯ ได้รับฟังข้อมูลจากทั้งสามหน่วยงานอย่างละเอียด และมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง เพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี
ภายหลังการประชุม นายธัชชญาณ์ณัช ได้เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการฯ แสดงความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากการที่ สหพันธ์เปตองนานาชาติ (FIPJP) และ สหพันธ์เปตองและโบว์ลโลก (WPBF) ได้ยกเลิกสถานะการเป็นสมาชิกของ สมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทย รวมถึงไม่ให้การรับรองรายการแข่งขันที่จัดโดยสมาคมฯ การตัดสินลงโทษส่งผลกระทบโดยตรงต่อ การจัดการแข่งขันเปตองในมหกรรมซีเกมส์ ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ คณะกรรมาธิการฯ ตระหนักดีถึงความสำคัญของรายการนี้ และไม่ต้องการให้ข้อพิพาทดังกล่าวมาบั่นทอนชื่อเสียงของประเทศ ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมาธิการฯ จึงได้เรียกร้องให้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ เป็นสำคัญ และขอให้ลดทิฐิ ในปัญหาข้อพิพาทต่างๆ โดยเก็บประเด็นเหล่านั้นไว้หารือและแก้ไขภายหลังจากการแข่งขันซีเกมส์สิ้นสุดลง เพื่อให้การจัดการแข่งขันเปตองในซีเกมส์ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ
“กกท.ในฐานะองค์กรหลักผู้กำกับดูแลสมาคมกีฬาต่างๆ ในประเทศไทย มีภารกิจสำคัญเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการทันที นั่นคือการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับสมาคมกีฬาเปตองแห่งประเทศไทยอย่าง เด็ดขาดและรวดเร็ว ความล่าช้าหรือความไม่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหานี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อ ชื่อเสียงของประเทศชาติ ในเวทีนานาชาติ และที่สำคัญที่สุดคือจะกระทบต่อ ผลประโยชน์ของนักกีฬาเปตองทีมชาติไทย ที่ทุ่มเทฝึกซ้อมและเตรียมพร้อมเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ในกรณีนี้ กกท. ต้องแสดงบทบาทความเป็นผู้นำในการหาทางออกที่ยุติธรรมและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้นักกีฬาสามารถเดินหน้าแข่งขันได้อย่างไร้กังวล และเพื่อธำรงไว้ซึ่งเกียรติภูมิของประเทศไทยในวงการกีฬาโลก” นายธัชชญาณ์ณัช กล่าวในตอนท้าย