ศบ.ทก. แถลงจุดยืน ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาจากฝ่ายกัมพูชา พร้อมยืนยันจะใช้กลไกการทูตแก้ไขปัญหาและออกมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ

(วันที่ 19 มิถุนายน 2568) ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) ได้จัดแถลงข่าวความคืบหน้าการดำเนินงาน ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กล่าวเปิด และมีผู้ร่วมแถลงคือรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และรองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งได้ร่วมกันชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาของฝ่ายกัมพูชา พร้อมทั้งเปิดเผยมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน

รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวสรุปในประเด็นที่เกี่ยวข้อง 2 ประเด็นหลัก ประเด็นแรก คือการปฏิเสธข้อกล่าวหาของกัมพูชาที่ว่าฝ่ายไทยมีการใช้โดรนบินล้ำน่านฟ้า ขุดคูเลต สร้างสิ่งปลูกสร้าง และเสริมกำลังพลตามแนวชายแดน โดยยืนยันอย่างชัดเจนว่าปฏิบัติการทั้งหมดเกิดขึ้นในเขตอธิปไตยของไทย ไม่มีการลุกล้ำแผ่นดินของกัมพูชา และไม่ได้มีการเสริมกำลังพลเพิ่มเติมแต่อย่างใด ดังนั้น ไทยจึงปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าไทยเป็นฝ่ายละเมิดบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543

ประเด็นที่สองคือ รัฐบาลไทยยังคงเชื่อมั่นในกลไกทางการทูตและการเจรจาแบบทวิภาคี ว่าเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุดในการแก้ไขปัญหาเขตแดน ซึ่งสอดคล้องกับธรรมเนียมปฏิบัติสากล และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประชุม JBC สมัยพิเศษที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนกันยายน 2568 นี้ จะเป็นพื้นฐานที่ดีในการทำงานร่วมกันต่อไป

ด้านความมั่นคง รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ได้ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร โดยกองกำลังหลัก 3 ส่วนในพื้นที่ ได้แก่ กองกำลังสุรนารี กองกำลังบูรพา และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทรบุรีและตราด ยังคงดำรงการเฝ้าระวังตามแนวทางของกองทัพอย่างต่อเนื่องภายในพื้นที่อธิปไตยของไทย

สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบนั้น ในส่วนของแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการจำกัดการเข้า-ออกด่านชายแดน กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน พร้อมให้การสนับสนุนจัดหางานทดแทนให้ ส่วนแรงงานไทยในกัมพูชาก็ได้มีการจัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือไว้อย่างเต็มที่ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายผลักดันแรงงานกัมพูชากลับประเทศ

ด้านเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบด้านการจำหน่ายพืชผลทางการเกษตร กระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาตรการช่วยเหลือโดยประสานงานกับภาคเอกชนหลายส่วน เช่น ผู้ค้าปลีก-ค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าท้องถิ่น เพื่อเป็นช่องทางในการรับซื้อและจำหน่ายสินค้า อีกทั้งยังร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยในการช่วยจัดส่งสินค้า และได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดในพื้นที่จัดหาแหล่งจำหน่ายเพิ่มเติมให้กับเกษตรกรแล้ว

รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเสริมว่า ในช่วงเวลานี้อาจมีข่าวสารที่ถูกบิดเบือนเพื่อสร้างความแตกแยก จึงขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องจากช่องทางของศูนย์เฉพาะกิจฯ (ศบ.ทก.) โดยตรง