มหาเศรษฐีผู้ครอบครองทรัพย์สินกว่า 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ใช้ชีวิตสุดเรียบง่าย ไม่มีคฤหาสน์หรู ไม่มีรถซูเปอร์คาร์ ไม่มีกระเป๋าแบรนด์เนม ใช้เงินตัวเองทำบุญ ไม่เคยขอรับบริจาค
ในโลกที่ความมั่งคั่งมักมาคู่กับชีวิตหรูหรา มิตซี เพอร์ดู (Mitzi Perdue) กลับกลายเป็นดั่งเทพนิยายยุคใหม่ เป็นตัวอย่างที่มีชีวิตของปรัชญาที่ว่า “คุณค่าของทรัพย์สินไม่ได้อยู่ที่คุณมีอะไร แต่อยู่ที่คุณใช้มันอย่างไร”
ด้วยทรัพย์สินรวมที่ประเมินไว้ราว 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มิตซีอาจติดอันดับ 50 บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก หรืออยู่ในกลุ่ม 1.5% แรกของคนที่มั่งคั่งที่สุดบนโลกใบนี้
ในฐานะผู้สืบทอดสองอาณาจักรพันล้านดอลลาร์ Sheraton Hotels และ Perdue Farms เธอสามารถใช้ชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อได้เต็มที่ แต่กลับเลือกใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างน่าทึ่ง จนหลายคนอดถามไม่ได้ว่า “คนเป็นมหาเศรษฐีขนาดนี้ ใช้ชีวิตธรรมดาได้จริงหรือ?”
มิตซีเกิดในตระกูลผู้ก่อตั้งเครือโรงแรม Sheraton และต่อมาแต่งงานกับแฟรงก์ เพอร์ดู มหาเศรษฐีเจ้าของอาณาจักร Perdue Farms ทำให้เธอครอบครองทรัพย์สินมหาศาลจาก 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกา แต่ภาพลักษณ์ของเธอกลับตรงข้ามกับภาพจำของคนรวยอย่างสิ้นเชิง
ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวของเหล่ามหาเศรษฐี มักเต็มไปด้วยคฤหาสน์หรู กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว และทริปท่องเที่ยวสุดหรู แต่ชีวิตของมิตซี เพอร์ดูกลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง
หญิงผู้มีชาติตระกูลระดับสูงคนนี้เติบโตมาพร้อมเสื้อผ้ามือสอง เรียนโรงเรียนรัฐ สวมรองเท้าที่นำไปซ่อมแทนการซื้อใหม่ เธอใช้ชีวิตอย่างประหยัดด้วยการบินชั้นประหยัด ขึ้นรถไฟใต้ดิน และอาศัยในอะพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ แทนการอยู่คฤหาสน์สุดหรู สำหรับมิตซี นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของนิสัย แต่เป็นหนทางในการ “เข้าใจโลกแห่งความจริง”
“ทั้งครอบครัวเฮนเดอร์สันและเพอร์ดูไม่สนับสนุนความฟุ้งเฟ้อ” เธอกล่าวกับนิตยสาร Fortune
“ในครอบครัวทั้งสอง ไม่มีใครได้รับคำชมเพราะใส่เสื้อผ้าดีไซเนอร์หรือแต่งตัวหรู ๆ เลย”
จริง ๆ แล้ว บุคลิกเรียบง่ายของมิตซีหล่อหลอมมาตั้งแต่วัยเด็ก เธอเกิดในปี 1941 ท่ามกลางภาวะสงคราม ซึ่งทำให้ต้องสวมเสื้อผ้ามือสองและใช้ชีวิตอย่างขัดสน จนกระทั่งอายุ 20 พ่อของเธอเสียชีวิต ทิ้งมรดกมหาศาลไว้ให้ แต่ความลำบากในวัยเยาว์ได้หล่อหลอมให้มิตซีเป็นคนเข้มแข็งและเข้าใจชีวิต
ภายใต้การอบรมจากครอบครัว มิตซีเรียนรู้ว่าความมั่งคั่งที่แท้จริง ไม่ใช่สิ่งที่แสดงออกด้วยวัตถุ แต่คือสิ่งที่อยู่ภายในตัวคน อีกทั้งความร่ำรวยอาจทำให้มนุษย์ขาดสติ ลุ่มหลง และหลงทางได้
“ฉันอาจจะเอาทรัพย์สินทั้งหมดไปลงทุนในตลาดหุ้น แล้วใช้ชีวิตหรูหราปล่อยให้คนอื่นบริหารแทนก็ได้” มิตซีกล่าวเป็นนัยถึงทางเลือกชีวิตที่เธอไม่เลือกเดิน
แต่มิตซี เพอร์ดู วัย 84 ปี กลับเลือกเส้นทางตรงกันข้าม เธอไม่เพียงเป็นนักข่าวที่ขยันขันแข็ง แต่ยังเป็นนักการกุศลที่ทุ่มเทอย่างจริงจัง
ด้วยความสนใจในเกษตรกรรม เธอซื้อที่ดินใกล้มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเพื่อให้สถาบันสามารถทำการทดลองทางการเกษตรได้ เธอใช้เวลาหลายชั่วโมงในแต่ละวันดูแลนาข้าว ก่อนจะผันตัวมาเป็นนักข่าวสายการเกษตรและสุขภาพจิตในเวลาต่อมา
เธอยังคงเขียนงานอย่างต่อเนื่อง และเคยขายแหวนหมั้นมูลค่า 1.2 ล้านดอลลาร์ของสามีผู้ล่วงลับ เพื่อนำเงินไปสนับสนุนกองทุนการกุศล ปัจจุบัน มิตซีกำลังพัฒนาโปรแกรมบำบัดด้วย AI สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางจิตใจ เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าเธอใช้ทรัพย์สินเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมเร่งด่วน
ในทุกการเดินทางทำงาน เธอเลือกบินชั้นประหยัด แทนที่จะเรียกรถส่วนตัว และขึ้นรถไฟใต้ดินที่แออัด ยอมรับวิถีชีวิตทำงานประจำตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น
ตอนนี้ มิตซีอาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ในรัฐแมรีแลนด์ ซึ่งเป็นที่พักของผู้มีอาชีพแรงงาน เช่น พยาบาลและตำรวจ เธอบอกว่า ค่าเช่ารายปีของห้องชุด 1 ห้องนอนของเธอ เท่ากับที่เพื่อน ๆ ในนิวยอร์กต้องจ่ายเพียงเดือนเดียว
“อาคารชุดที่ฉันอาศัยอยู่มา 14 ปี เป็นชุมชนชนชั้นกลางที่มั่นคง และฉันรักที่นี่ ถ้าคุณบินเครื่องบินส่วนตัวตลอดเวลา คุณจะไม่มีวันเข้าใจโลกแห่งความจริง” มิตซีเสริม
สำหรับเธอ คุณค่าของคนจะปรากฏชัดเมื่อได้รับใช้และช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ใช่เพียงแค่มีทรัพย์สินมากมาย
“ถ้าคุณอยากมีความสุข จงคิดว่าคุณจะทำอะไรให้คนอื่นได้บ้าง แต่ถ้าคุณคิดเพียงจะเอาเปรียบคนอื่น ชีวิตจะไม่ง่ายเลย” มิตซีกล่าว
นิตยสาร Fortune ชื่นชมมิตซี เพอร์ดูว่าเป็น “มหาเศรษฐีหญิงตัวจริง” ผู้เข้าใจว่าคุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่ทรัพย์สินที่ครอบครอง แต่เป็นคุณค่าที่สร้างขึ้นและการแบ่งปันให้กับโลก เรื่องราวของเธอคือคำเตือนลึกซึ้งว่าความมั่งคั่งที่แท้จริงอยู่ที่จิตใจและการมีส่วนร่วมที่มีความหมายต่อสังคม