ปากกาขนนก / สกุล บุณยทัต

“..ความยั่งยืนจริงแท้ของชีวิต..ย่อมเกิดจากอุบัติการณ์แห่งโครงสร้างในตัวตน ที่จะสามารถเรียนรู้และเข้าใจถึงสายทางที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของ..ความสุข สงบ และ สมดุลในชีวิตได้อย่างถ่องแท้..ด้วยวิจารณญาณของการ..ยอมรับและการมองเห็นจุดยืนทั้งของคนอื่นๆ..และ..ตัวตนแห่งตน..

..เพ่งสายตาของการตระหนักรู้สู่ภายนอก..เพื่อที่จะดึงเอาประสบการณ์อันล้ำค่าของชีวิตกลับสู่ภายใน..!

..นั่นคือพื้นฐานแห่งบันทึกอันน่าใคร่ครวญต่อการมีชีวิตอยู่ที่ทั้งเปิดกว้างและดิ่งลึก..สู่ “แรงจักรวาล”ของการดำรงสถานะ..อันมั่นคงและดีงาม..ตลอดไป..!”

นัย..ความคิดอันแสดงถึง การฝึกปฏิบัติ และ..ฝึกใครมาครวญเบื้องต้น..ถือเป็นวิถีต่อการประกอบสร้าง..ชีวิตต่อชีวิต..ด้วยพัฒนาการของการประกอบการณ์ในการเชื่อมโยงจิตวิญญาณของการเรียนรู้..ต่อภาวะรับรู้ในรู้สึกคะอัน “สว่างงามและสุขสมบูรณ์..!”

“นาโงมิ : สุข สงบ สมดุล” (The way of Nagomi)...คือวิถีชีวิตแบบญี่ปุ่นที่เน้นถึงความกลมกลืน สุขสงบ และสมดุล ..เป็นประสบการณ์..ที่สอดผสานเข้ากับ..ทุกแง่มุมของชีวิตแหของคนเราทุกคน..ในทุกคืนวัน..โดยรักษาความสัมพันธ์อันดีงามกับคนใกล้ชิด..แม้ว่าจะรู้สึกไม่เห็นพ้องต้องกันก็ตาม..รวมทั้งการซึมซับรับสิ่งใหม่ๆ โดยไม่สูญเสียตัวตนที่แท้จริง..จนกระทั่งค้นพบ.. “ความสงบในทุกสิ่งที่เรากระทำ!”

ว่ากันว่า..ความสุขในชีวิตเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างใฝ่ฝัน..แต่เราทุกคนก็จักต้องปีนป่ายในชีวิต..จนเกิดความสับสน..จับต้นชนปลายไม่ถูกหรือรับมือกับภาวการณ์ต่างๆไม่ไหว..!..กระทั่งจะต้องพึ่งพาและฝึกหัดในการสร้างสรรค์ “ความสมดุลภายใน” ให้เกิดขึ้น..เพื่อการเยียวยาชีวิตให้ก้าวไปข้างหน้าได้..โดยตลอด..!

“เคน โมงิ” (Ken Mogi..นักประสาทวิทยา นักวิชาการ นักเขียนชาวญี่ปุ่น..ผู้จบปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยโตเกียว..โดยภารกิจของเขา..คือการมุ่งเน้นบทบาทในการแก้ไข ของสิ่งที่เรียกว่า.."ปัญหาทางด้านสมองและจิตใจ."..เขามีงานเขียนออกมาทั้งหมดร่วม50เล่ม ซึ่งก็ไม่ใช่เพียงหนังสือด้านวิทยาศาสตร์อย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวเนื่องกับศิลปะ..รวมทั้งวิถีชีวิตในลักษณะต่างๆอีกด้วย..!

..ความสำคัญของ “นาโงมิ” อยู่ที่..มันคือต้นเค้าแห่งแนวคิดสำคัญ อันเป็นต้นกำเนิดปรัชญาแขนงอื่นๆของญี่ปุน..ไม่ว่าจะเป็น..อิชิโกะ อิชิเอะ คินสึงิ วะบิ ซาบิ เซน หรือ..อิคิไก..!

..ภายในหนังสือเล่มนี้.. “เคน โมงิ” ได้อธิบายเชื่อมโยง “นาโงมิ” ให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตของเราอย่างจริงจังและลึกซึ้ง..เพื่อหวังให้ทุกคนได้นำไปปรับใช้ได้อย่างสมบูรณ์..ในที่สุด..!

ด้วยเหตุนี้..ความหมายอันเด่นชัดของ “นาโงมิ”...จึงหมายรวมถึงสภาวะแห่งจิตใจ ที่เต็มไปด้วยลักษณะของการผ่อนคลาย ..สบายใจ..สงบ อันเกิดจาก"การปรับสมดุลปฏิกิริยา... “ความสมดุลของตนเองต่อวสิ่งรอบข้าง ด้วยวิถีแห่งความเข้าใจ..และมองลงไปให้เห็นถึงคุณค่าของสิ่งต่างๆ มากกว่าจะปิดกั้นสถานการณ์เชิงลบ... “เพื่อที่จะได้ค้นพบ..ความสุข..!”

“..นาโงมิ” ..ถูกเล่าเรื่องอย่างน่าสนใจ..จาก “เคน โมงิ” โดยเขาได้อธิบายความหมายของ “นาโงมิ”สอดแทรกอยู่ในตัวตนของเรา..ซึ่งเริ่มต้นจากการได้เห็นภาพรวม..ของความหมายแห่ง “นาโงมิ”..แล้วจึงต่อด้วย “นาโงมิ” ในแต่ละบทบาทของวิถีชีวิต อย่างเช่น “นาโงมิ”..ในอาหาร/ตัวตน/ความสัมพันธ์ /สุขภาพ/การเรียนรู้/การสร้างสรรค์/ชีวิต/รวมทั้ง..ธรรมชาตินานา..!

“...นาโงมิ..ในสังคมหมายถึงการรับรู้ความแตกต่าง..การยอมรับและการมองเห็นจุดยืนของคืนอื่นๆ”

..องค์ปรกอบสำคัญทางความคิดและการปฏิบัติของ “นาโงมิ” ประกอบด้วย... “นาโงมิ”..เป็นความสงบ สมดุล..เป็นความงามภายในใจ เป็นสัมพันธภาพระหว่างตัวเองกับสิ่งแวดล้อม เป็นการสื่อสารระหว่างคนสองคน..เป็นความรู้สึกในตอนที่เรารู้สึก

* อันหลอมรวมกับสิ่งภายนอก..มีความผ่อนคลายและสมดุลทางอารมณ์..มีองค์ประกอบที่แตกต่างหลากหลาย..นับแต่บทเริ่มต้น..แล้วองค์ประกอบต่างๆเหล่านั้น..ก็จะค่อยๆมาเรียงตัวเป็นรอยต่อในการให้ประสบการณ์..ต่อไป..!

*เป็นตัวกำเนิดความคิดต่างๆของญี่ปุ่น เป็นเหมือนเสาหลักที่สำคัญทางวัฒนธรรม เป็นสิ่งที่หลอมรวมปรัชญาแห่งความสุขสงบเข้าด้วยกัน..

*..ส่วน “นาโงมิ” ในอาหาร คือ “การจัดกล่องเบนโตะ” ที่มีอาหารหลายอย่าง โดยไม่มีอาหารหลัก อาหารทุกอย่างช่วยผสานซึ่งกันและกัน..จะไม่ตีกันในปาก..แต่จะผสานกลมกลืนกันเป็นหนึ่งเดียว..

*ในความเป็นตัวตน.. “นาโงมิ” จะผสานด้านต่างๆของชีวิตอย่างสมดุล แล้วเรียบเรียงออกมาเเป็นความสุข..เป็นวิธีที่จะทำให้เราค้นพบความสุขสงบในชีวิตได้จริงๆ..ด้วยการนำชีวิตในทุกๆด้านมาผสานรวมกันเพื่อพัฒนาชีวิต ทำให้เกิดความพึงพอใจในตนเองในด้านต่างๆ รวมถึง การงาน ความสัมพันธ์และวิถีชีวิต..*

“นาโงมิ..ในอิโมจิ” ..เป็นการแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องราวต่างๆ อันเป็นเรื่องพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนล้วนอยากทำ..แต่วัฒนธรรมของญี่ปุ่นก็มีแนวคิด “เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับฉัน”..ซึ่งก็มีการแก้ไขโดย ผสานสองสิ่งให้สอดคล้องลงตัวและเข้ากันได้..ซึ่งก็คือการแสดงความคิดเห็น โดยไม่ต้องเผยตัวตน แต่ใช้ “อิโมจิ” แทน..ซึ่งก็นับเป็น"นาโงมิ"อีกแบบหนึ่งที่ผสานความต่าง ของการแสดงความคิดเห็น กับวัฒนธรรมการไม่เปิดเผยตัวตนได้อย่างลงตัว..!

*หัวใจของ “นาโงมิ” คีอ..การแสดงให้เห็นถึงว่า..ความสัมพันธ์นั้นมีคุณค่าและสมควรรักษาไว้อย่างยิ่ง..ซึ่งก็หมายถึงว่า..ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอง คนอื่น..และสิ่งแวดล้อม..สะท้อนผ่านวิถีสร้างสรรค์ของตน..เช่นการจัดสวน..ที่มีการตกแต่งสิ่งที่เราชอบส่วนตัวเพิ่มเติมเข้าไป เพื่อการผสมกลมกลืนกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว..รวมถึงทิวทัศน์ต่างๆเช่น แม่น้ำ ภูเขา ได้อย่างลงตัว..!

*ในด้านสุขภาพ..ต้องรักษาไว้ซึ่งสุขภาพของตัวเองอย่างสมดุล.ด้วยวิธีการต่างๆ..ไม่ใช่แก้ปัญหาไปทีละครั้ง..ด้วยการกินยา ..เราจักต้องแก้ปัญหาด้วยองค์ความรู้ในการปฏิบัติที่ดีอย่าง “ชินริน-โยกุ” อันหมายถึงการอาบป่า..การเดินในสวนที่มีพื้นที่สีเขียวและมีแสงอาทิตย์ ..จะส่งผลต่อการมีสุขภาพดี.. ในระยะยาว..!*

*ชีวิตจำเป็นที่จะต้องมการเรียนรู้ตลอดชีวิต/โดยหลัก 3 ข้อนี้ ...อันหมายถึงหลัก"โชดุกุ"อันประกอบด้วย../สร้างความคุ้นเคยกับสิ่งที่จะต้องเรียนรู้..เช่นภาษา..คณิตศาสตร์ และทักษะต่างๆ..โดยเริ่มจากความคุ้นเคย..แม้จะไม่เข้าใจในรายละเอียดทั้งหมดก็ตาม../สร้างสภาพแวดล้อมที่รู้สึกผ่อนคลาย อย่างการอยู่กันทั้งครอบครัวในบ้านหลังเดียวกัน..และสมาชิกของครอบครัวก็เรียนรู้สิ่งต่างๆไปด้วยกัน/เราจะเรียนรู้และค้นพบ “นาโงมิ”..ของสิ่งที่เรียนรู้ในระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันจบสิ้น ../!

*ในความคิดสร้างสรรค์.. “นาโอมิ”..ได้สร้างความสมดุล กลมกลืน โดยการผสานพลังต่างๆรอบตัว จนเกิดเป็นการสร้างสรรค์ใหม่ๆขึ้นมา..ซึ่งก็ต่างจากวธีคิดแบบโลกตะวันตก ที่มองว่า..อัจฉริยะที่สร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาได้จะได้รับพรจากพระเจ้า และจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว..

..แท้จริง..อัจฉริยะในการสร้างสรรค์ ในวิถี “นาโงมิ” จึงคือ ความสมดุล พอดีระหว่าง ความเป็นตัวเองที่จะยัดเยียดคุณค่า ความอัจฉริยะให้กับการหักห้ามใจตัวเอง..ไม่ให้สุดโต่งจนเกินไป..มันจึงทำให้เกิดจุดสมดุลที่ผสานการแสดงออกของความเป็นตัวตน ระหว่างของคนๆหนึ่ง..กับความพอดีที่จะดำรงอยู่บนโลกนี้ได้ ..!

*สุดท้าย.. “นาโอมิ” กับการเปลี่ยนแปลง..เป็นหลักการที่บอกต่อเรา..ให้ยอมรับว่า..สิ่งต่างๆในโลกนี้ล้วนซับซ้อนและเราต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับมันในมิติที่ครอบคลุมถึงความคลุมเครือไม่แน่นอน..ที่เกาะเกี่ยวอยู่กับนัยแห่งความขึ้นๆลงๆของชีวิต..!

..ทั้งหมดนี้..คือส่วนหนึ่งอันมีค่าจากผัสสะของหนังสือ “นาโงมิ” ที่ “เคน โมงิ” ได้เรียบเรียงและตีความอย่างลึกซึ้งและเข้าใจ..มันเป็นต้นเค้าอันลึกในปรัชญาอื่นๆของญี่ปุ่น..โดยเฉพาะที่เรารู้จักกันพอสมควรคือ “อิคิไก” แนวคืดแห่งเหตุผลของกามีชีวิตอยู่..คือสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย..อันประกอบด้วยสิ่งที่รัก สิ่งที่ทำได้ดี..สิ่งที่ทำรายได้ รวมถึงเป็นสิ่งที่โลกต้องการ..

“เคน โมงิ” โด่งดังจากหนังสือนี้....จนมาถึงงานสร้างสรรค์ “นาโงมิ” เล่มนี้..ที่สามารถเชื่อมโยงจุดกำเนิดแรกของปรัชญาญี่ปุ่น ให้ได้ผสานในรอยผสานของชีวิตอย่างถ่องแท้..ทั้งด้วยหัวใจและความคิดอย่าง..ดิ่งลึก งดงามและเข้าใจ..!

เมื่อกล่าวในเชิงปรัชญา ข้าวกับสาเก ยังเป็นสัญลักษณ์และมีความลึกล้ำ และมีคุณค่าที่เกี่ยวข้องกับอุดมคติของนาโงมิ..ข้าวและสาเกที่มีคุณภาพดีที่สุด..จะมีลักษณะของความเป็นกลาง..ไม่พยายามที่จะแสดงตัวตน มีความสามารถอันโดดเด่น ที่จะผสานและผสมเข้ากับรสชาติและ..ส่วนประกอบอื่นๆ..

“เขมลักขณ์ ดีประวัติ” ถอดความและแปลหนังสือเล่มนี้ออกมาอย่างเข้าใจ..กระจ่างแจ้งในเนื้อหาด้วยความแยบยล..จนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หนังสือเล่มนี้ใน.. “ภาษาไทย” มีน้ำหนักทางปัญญา..ที่จะตอกตรึงผู้อ่านให้ได้บรรลุถึงเนื้อแท้แห่งความเจิดกระจ่างแห่ง “ชีวิตเหนือชีวิต”..ได้อย่างมีค่าความหมายในความระลึกรู้..อันเป็นหนึ่งเดียว.ตลอดไป..!

“นาโงมิ..คือ..ความสุขอันสมดุล ที่เกิดจากการโอบรับสรรพสิ่งที่หลากหลาย.. รวมถึงการได้มาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน..!!!”