ท่ามกลางขุนเขาแห่งดินแดนภาคเหนือ ยังมีสองเมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์น่าค้นหา อย่าง ลำพูน และ ลำปาง แม้จะไม่ใช่จุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ แต่กลับเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังแห่งอารยธรรมล้านนา และเรื่องราวมากมายที่ซ่อนอยู่ในทุกมุมของสถานที่ท่องเที่ยว เพราะ ลำพูน แม้จะเป็นเมืองเล็กแต่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 1,300 ปี อดีตของอาณาจักรหริภุญชัย อารยธรรมแรกเริ่มของล้านนา
ว่ากันเฉพาะ”ลำปาง” ก็มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนาน มีชื่อเรียก เขลางค์นคร เวียงละกอน นครลำปาง หรือเมืองรถม้า เสน่ห์ของทางบุญในมิติทางศาสนา ปี 2568 “ตามรอยเส้นทางธรรมแห่งศรัทธา เส้นทางสักการะพระธาตุนครลำปาง” โดยกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ที่ใช้ทุนทางวัฒนธรรมและความเชื่อแบบล้านนา มาสร้างสรรค์เป็นเส้นทางท่องเที่ยว
สำหรับเส้นทางธรรมฯ ครอบคลุม 8 วัดสำคัญ ได้แก่ 1.วัดพระธาตุลำปางหลวง 2.วัดพระธาตุจอมปิง 3.วัดพระธาตุเสด็จ 4.วัดศรีล้อม 5.วัดปงสนุก 6.วัดไหล่หินหลวง 7.วัดพระธาตุดอยพระฌาน และ 8. วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม
ในการเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงพาไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังได้สัมผัสรากเหง้าทางวัฒนธรรม วิถีชีวิต และความศรัทธาของผู้คนอีกด้วย เริ่มต้นทริปที่ จ.ลำปาง ตามรอยเส้นทางธรรมแห่งศรัทธาฯ จุดหมายแรกที่ วัดพระธาตุลำปางหลวง วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองที่ว่ากันว่ามีมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ราวพุทธศตวรรษที่ 20 เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในวัดไม้ที่สมบูรณ์และงดงามที่สุดของไทยด้วย
เดินขึ้นบันไดนาคที่ทอดยาวขึ้นไปสู่วัด เป็นพญานาคปูนปั้นสีขาวสะดุดตา ลวดลายสวยงามเฉพาะตัว ผ่าน ซุ้มประตูโขง ฝีมือช่างหลวงโบราณ ด้วยการก่ออิฐถือปูนทำเป็นซุ้มยอดแหลมเป็นชั้น ๆ มีสี่ทิศ ประดับตกแต่งด้วยลวดลาย ปูนปั้น รูปดอกไม้ และสัตว์ในหิมพานต์ ประตูโขงแห่งนี้ใช้เป็นสัญลักษณ์เมืองลำปางในตราจังหวัดลำปาง ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในซุ้มประตูโขงวัดโบราณที่งดงามที่สุดในไทยเลยทีเดียว
เมื่อก้าวพ้นประตูเข้าไป จะพบกับพระวิหารหลวง วิหารไม้แบบล้านนาโบราณ ไม่มีผนัง ปล่อยให้ลมเย็นๆ พัดผ่านได้รอบทิศ ภายในมีกู่พระเจ้าล้านทอง เจดีย์ทรงปราสาทที่ประดิษฐาน พระเจ้าล้านทอง พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในลำปาง ตั้งเด่นอยู่อย่างสง่างาม ด้านหลังวิหาร คือ พระธาตุลำปางหลวง เจดีย์ทรงล้านนา ถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีฉลู โดยมีความพิเศษตรงที่เริ่มสร้างและเสร็จในปีฉลู ภายในบรรจุพระเกศาและพระอัฐิธาตุจากพระพุทธเจ้าหลายส่วน
เมื่อเดินชมรอบๆ องค์พระธาตุ จะได้พบกับรูปปั้นเจ้าพ่อกุมภัณฑ์ อารักษ์ผู้เฝ้ารักษาองค์พระบรมธาตุลำปางหลวงอย่างสง่างาม เชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังและอำนาจ หากได้มากราบไหว้หรือขอพรจากท่าน ก็มักจะสมหวังตามความปรารถนา ทางทิศเหนือ จะพบวิหารพระพุทธ ซึ่งเป็นวิหารหลังแรกของวัด สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2019 สมัยพระเจ้าติโลกราช
ภายในประดิษฐานพระประธานองค์ใหญ่ และมีพระบรมธาตุศักดิ์สิทธิ์ปรากฏให้ได้สักการะอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ รอบๆ วัดยังเต็มไปด้วยจุดน่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิหารน้ำแต้ม วิหารพระเจ้าศิลา หอพระแก้ว พิพิธภัณฑ์พระพุทธศาสนา พระเจ้าทันใจ รวมถึงต้นโพธิ์จากศรีลังกาที่ให้ความร่มรื่นและศักดิ์สิทธิ์
มาต่อที่ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม วัดเก่าแก่ที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์และความงดงามของศิลปวัฒนธรรมล้านนา วัดแห่งนี้เกิดจากการรวมวัดถึง 4 แห่งเข้าด้วยกัน ได้แก่ วัดแสนพิงค์ชัย วัดล่ามช้าง วัดพระแก้วดอนเต้า และวัดสุชาดาราม โดยยังคงหลงเหลือร่องรอยของซากโบราณสถานให้ได้ชมเป็นหลักฐานของกาลเวลา
จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือพระบรมธาตุดอนเต้า เจดีย์ทรงลังกาผสมล้านนา ซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัย ตั้งแต่องค์ระฆังขึ้นไปหุ้มด้วยแผ่นทองจังโก และประดับยอดด้วยฉัตรทองคำ 7 ชั้นอย่างสง่างาม เชื่อกันว่าเป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลายพระองค์
ใกล้กันคือพระวิหารหลวง หรือพระอุโบสถ สร้างขึ้นเมื่อปี 2467 โดยครูบาศรีวิชัย มีสถาปัตยกรรมแบบล้านนาผสมรัตนโกสินทร์ ภายในประดิษฐาน พระเจ้าตนหลวง หรือ หลวงพ่อโต และพระเจ้าทันใจ พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนที่งดงามและศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง
ในบริเวณวัดยังมีซากเจดีย์เก่าของวัดล่ามช้าง ที่เหลือเพียงซากปรักหักพัง อีกด้านจะเข้าสู่บริเวณวัดสุชาดารามเดิม มีวิหารลายคำ งดงามด้วยศิลปะช่างเชียงแสน สร้างในสมัยเจ้าวรญาณรังสี เมื่อปี 2324 ภายในประดิษฐาน พระเจ้าสีหะเชียงแสน พระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะอ่อนช้อยงดงาม อีกทั้งยังมีจิตรกรรมฝาผนังฝีมือของนาย ป. สุวรรณสิงห์ ถ่ายทอดเรื่องราวแบบรัตนโกสินทร์ได้อย่างน่าชม ด้านหลังวิหารลายคำ ยังมีพระเจดีย์ทรงกลมแบบล้านนา แม้ขณะนี้ทั้งวิหารและเจดีย์กำลังอยู่ระหว่างการบูรณะ แต่ก็ยังคงความงามให้ได้ถ่ายภาพและชมอย่างใกล้ชิด
มาถึงวัดสุดท้ายที่ วัดพระธาตุดอยพระฌาน ในอ.แม่ทะ ตั้งอยู่บนยอดเขา โอบล้อมด้วยต้นไม้เขียวขจีและอากาศบริสุทธิ์ เย็นสบายราวกับหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง อีกมุมก็ให้บรรยากาศชวนให้รู้สึกเหมือนอยู่ในญี่ปุ่น เพราะมีการตกแต่งให้เข้ากับ พระพุทธรูปไดบุตสึ สีเขียวดั่งหยก องค์ใหญ่สง่างาม ขนาดหน้าตักกว้างถึง 14 เมตร ประดิษฐานเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขา ให้ความรู้สึกคล้ายได้มาเยือนวัดโคโตคุ เมืองคามาคุระของญี่ปุ่นเลยทีเดียว
เดินต่อไปยัง วิหารสมเด็จองค์ปฐม โดยระหว่างทางแวะกราบขอพรที่ศาลา 5 พระองค์ และพระธาตุดอยพระฌาน จุดนี้มีมุมสวยให้แวะชมต้นโพธิ์สีทอง ประติมากรรมที่วิจิตรตระการตา ตกแต่งอยู่ด้านหลังของผนังวิหาร สะท้อนแสงแดดระยิบระยับ และมาชมวิวที่บันไดนาค มองเห็นเมืองแม่ทะได้แบบพาโนรามา
บริเวณเดียวกันมีวิหารสมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลญาณ พิชิตมารวิกรม ปฐมสัมมาสัมโพธิญาณ ศรีพระฌานบรรพต ประดิษฐานอยู่ใน ซุ้มเรือนแก้วสีทองอร่าม ผนังด้านในวิหารประดับด้วยงานแกะสลักปิดทองอย่างงดงาม โดยเฉพาะแผ่นแกะสลักด้านบนประตูฝั่งตรงข้ามองค์พระประธาน ที่เป็นภาพพญานาคกระหวัดรอบองค์พระธาตุสีขาว งานชิ้นนี้เรียกได้ว่า วิจิตรอย่างมาก
จากลำปางโฉบมาแวะที่ลำพูน สักการะวัดพระธาตุหริภุญชัยฯ จ.ลำพูน ปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองของลำพูน ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองมานานกว่าพันปี เป็นจุดหมายสำคัญที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนดินแดนล้านนาแห่งนี้ ก่อนจะได้เข้าไปสัมผัสความงามภายในวัด ต้องเดินลอดผ่านซุ้มประตูโบราณที่มี สิงห์เฝ้ายามยืนตระหง่านอยู่สองข้าง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าอาทิตยราช เมื่อครั้งทรงถวายวังให้เป็นวัดหลวงของเมือง
พอพ้นจากซุ้มประตูมาไม่กี่ก้าวจะพบกับ วิหารหลวง หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางลานวัด ด้วยศิลปะแบบล้านนาที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง วิหารนี้ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่หลังจากหลังเก่าเคยถูกพายุพัดพังลงไปเมื่อปี พ.ศ. 2466 ด้านหลังวิหารคือ องค์พระธาตุหริภุญชัย เจดีย์ทรงระฆังอันสง่างามแบบล้านนา ที่หุ้มด้วยแผ่นทองจังโกสีทองสุกปลั่ง ทอดสายตาขึ้นไปแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ องค์พระธาตุนี้ไม่เพียงเป็นหัวใจของเมืองลำพูน แต่ยังเป็นต้นแบบให้กับพระธาตุองค์สำคัญอื่นๆ ของล้านนา เช่น พระธาตุลำปางหลวง จังหวัดลำปาง และพระธาตุแช่แห้ง จังหวัดน่าน
เดินทางต่อมายังมุมไฮไลท์ของลำพูน ในอ.แม่ทา จะพบกับสะพานโค้งสีขาวสะอาดตาทอดข้ามแม่น้ำ โอบล้อมด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน ที่นี่เรียกว่า สะพานขาวทาชมภู สะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2462 หลังจากการสร้างอุโมงค์ขุนตานเสร็จ โดยมีกรมขุนกำแพงเพชรอัครโยธิน เป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง
ความแปลกตาคือมันไม่ใช่สะพานเหล็กแบบที่เราคุ้นเคย แต่มันเป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาวกว่า 87 เมตร ซึ่งถือว่าแปลกมากในยุคนั้น เพราะอยู่ในช่วงสงครามที่เหล็กหายากและมีราคาสูง แม้จะผ่านมาเกินร้อยปี แต่สะพานขาวแห่งนี้ยังคงแข็งแรง และทำหน้าที่เป็นรางอันแข็งแกร่งให้กับขบวนรถไฟค่อย ๆ เคลื่อนตัวผ่านสะพาน พร้อมกับความสดชื่นของธรรมชาติสองข้างทาง
การเดินทางตามรอยเส้นทางธรรมฯ ในจังหวัดลำปางที่ได้ไปสัมผัสความงดงามของวัดต่าง ๆ นั้น เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของเส้นทางทั้งหมด เพราะลำปางยังเต็มไปด้วยวัดเก่าแก่ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และเปี่ยมด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว ที่ต้องมาด้วยตัวเองคุ้มแน่นอน