ได้ฤกษ์เปลี่ยนโมเดลใหม่ สำหรับ ฮาวาล เอช 6 ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (HAVAL H6 PHEV) มากับความลงตัวมากขึ้นสะท้อนถึงความเป็นรถเอสยูวี ที่ครบทั้งความดุดัน ดูเนี้ยบ และทันสมัย (ขึ้น) กระจังหน้าสีโครเมียม รมดำ เกรท วอลล์ฯ ใส่ลูกเล่นที่กระจังหน้าด้วยช่องดักอากาศในสไตล์ Star Matrix

ไฟคู่หน้า แบบ Waterfall Intelligent LED Headlamp เป็นเอกลักษณ์ พร้อมระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ มีไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ ส่วนไฟท้ายแบบ Smoke Signature Taillight Strip ท้ายพาดยาวแบบโครมดำ มีสัญลักษณ์ GWM ติดอยู่ที่ฝาประตูท้ายที่เปิด-ปิดไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี

ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว สี Piano Black Sport ตัดด้วยคาลิเปอร์สีแดง

ภายในห้องโดยสาร ดูโปร่ง ด้วยหลังคา Panoramic Sunroof กับการคุมภายในห้องโดยสารด้วยโทนสีดำ ให้ยิ่งน่าค้นหามากยิ่งขึ้น เบาะที่นั่งไฟฟ้า มีระบบระบายอากาศ และระบบดันหลังไฟฟ้ามาให้ จอทัชสกรีนขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว รองรับระบบมัลติมีเดียดิสเพลย์ สั่งการด้วยปลายนิ้วสัมผัส พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ส่วนคันเกียร์นั้นเป็นเกียร์มือแบบไฟฟ้า Electronic Shifter อยู่ด้านหลังพวงมาลัย

HAVAL H6 PHEV คันนี้ เป็นรุ่นท็อป หรือรุ่น ULTRA จัดเต็มอุปกรณ์ออปชั่นครบครัน โดยเฉพาะระบบความปลอดภัยและการขับขี่อัจฉริยะ ทั้งระบบช่วยจอดใส่เข้ามาให้ 3 รูปแบบ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าจอดในพื้นที่ต่าง ๆ ระบบความปลอดภัยต่าง ๆ โดยเฉพาะความแม่นยำของระบบการเตือน การติดตามเครื่องหมายจราจร รถคันนี้เตือนชัดเจนและแม่นยำ

จังหวะจาก ถ.รามอินทรา มุ่งสู่ ถ.วิภาวดีรังสิต เรียกว่า ระบบความปลอดภัยช่วยเตือนผู้ขับแบบไม่เหน็ดเหนื่อยเพราะเป็นช่วงเวลา “เร่งด่วน” การจราจรต้องใช้คำว่ามากกว่าความจอแจ มีการเตือนการชน การเตือนความปลอดภัย ทำงานแม่นยำชัดเจน

พารถคันนี้วิ่งกันยาว ๆ เพราะตามข้อมูลแจ้งมาว่าเมื่อชาร์จไฟฟ้าเต็ม สามารถวิ่งได้ 150 กม. และบวกกับน้ำมันเต็มถัง จะน่าไปได้ไกลกว่า 1,200 กิโลเมตร

แต่ตอนรับรถนั้นต้องบอกว่าไฟฟ้าในแบตเตอรี่มีเพียงแค่ 14-15% เท่านั้น จึงใช้วิธีดูจากหน้าเรือนไมล์ เบ็ดเสร็จสถานะของรถคันนี้จะวิ่งไปได้ประมาณ 1,000 กิโลเมตรนิด ๆ เอาเป็นว่าไม่เป็นไร

รถคันนี้มี 4 โหมดขับขี่ ได้แก่โหมดปกติ, โหมดประหยัด, โหมดสปอร์ต และพื้นหิมะนั้น

HAVAL H6 PHEV ใช้เครื่องยนต์เบนซ์ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว เทอร์โบให้กำลัง 150 แรงม้า ที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที ส่วนแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 230 นิวตันเมตร 1,500-4,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังสูงสุด 243 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร

เบ็ดเสร็จขุมกำลังของ HAVAL H6 PHEV ให้กำลังรวมสูงสุด 326 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์แบบ DHT

ฟีลลิ่งการขับขี่ ทั้งจังหวะการออกตัวและจังหวะการกดคันเร่ง ให้ฟีลคล้ายเราขับรถยนต์ไฟฟ้า พละกำลังความแรงของรถคันนี้พร้อมตอบสนองตั้งแต่ตีนต้น

รถสไตล์เอสยูวี ทำให้ทัศนวิสัยมองได้ไกล ๆ โล่ง ๆ แถมจังหวะการขึ้นขวา-ลงซ้าย เปลี่ยนเลนนั้นทำได้ค่อนข้างดี

แต่จังหวะที่เราวิ่งด้วยความเร็ว ส่วนตัวรู้สึกว่าช่วงล่างถูกเซตมาให้นุ่มนวลไป (นิด) ถ้าเทียบกับบุคลิกภายนอกที่ดูน่าจะมีความสปอร์ต ดุดัน

แต่เมื่อลองขยับโหมดไปที่สปอร์ตการคุมรถทำได้กระชับขึ้น โดยรวม ๆ ถือว่า HAVAL H6 PHEV คุมง่ายเข้ามือ

และต้องชมอย่างจริงจัง คิือเครื่องยนต์ PHEV รถคันนี้ ให้ความรู้สึกถึงพลังที่พร้อมทะยานไปไม่หยุดหย่อน ขับทางไกลได้แบบไม่เหนื่อย หรือจะวิ่งในเขตเมือง ซอกแซกไป ก็ทำได้แบบไม่เคอะเขิน

ถึงตรงนี้รถคันนี้วิ่งได้ไกลตามราคาที่เกรท วอลล์ มอเตอร์ แจ้งไว้หรือไม่นั้นไว้โอกาสหน้า จะเอามาวิ่งกันยาว ๆ เพื่อดูว่า 1,200 กิโลเมตรนั้นไปได้สมราคา (คุย) มากน้อยแค่ไหน

แต่เท่านี้ก็วิ่งไปเกือบ ๆ 500 กิโลเมตร ถือว่าประทับใจ และถือว่า HAVAL H6 PHEV น่าจะตอบโจทย์คนที่กำลังก้ำกึ่งว่าจะไปหารถอีวีเลย หรือจะยังอยู่ที่รถสันดาป เพราะรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด คันนี้ถือเป็นทางเลือกที่เข้ามาเสียบกลางได้เหมาะเหม็ง ทั้งความแรง ความประหยัด และระยะทางโดยรวม อย่างน้อย 1,000 กิโลเมตร ต้องมีให้เห็น

กับราคาค่าตัวที่ 1.229 ล้านบาท