ระยอง เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ผนึกกำลังทหารเรือทัพเรือภาคที่ 1 บุกจู่โจมตรวจค้นพื้นที่ปากแม่น้ำประแส ต.ปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง หลังสืบทราบเบาะแสเด็ด ขบวนการค้ายาไอซ์ข้ามชาติ เตรียมลำเลียงล็อตใหญ่ส่งออกทางเรือ
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 22 มิ.ย.68 ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ผนึกกำลังทหารเรือทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกันจับกุม นายศราวุธ นายธนยศ นายชาญยุทธ นายฉลอง นายชาตรี นายธีรยุทธ นายสมชาย นายสมจิตร รวม 8 คน พร้อมด้วยของกลาง ยาไอซ์ 2,399 กิโลกรัม
จากการสืบสวนทราบว่า เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเบาะแส ขบวนการยาเสพติดลำเลียงไอซ์จากภาคเหนือ โดยใช้ รถหกล้อตู้ทึบ 6 คัน เคลื่อนขบวนผ่านเส้นทางสายหลักมายัง ท่าเทียบเรือบ้านแหลมสน จุดนัดหมายลำเลียงลงเรือ ในบรรดารถต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ระบุตัวชัดเจนคือ รถกระบะอีซูซุ 4 ประตู สีเทาดำ ทะเบียน 7กย xxxx กรุงเทพมหานคร และ รถหกล้อฮีโน สีขาว ทะเบียน 50-xxxx กรุงเทพมหานคร ซึ่งถูกจับตาว่าเคยมีประวัติผ่านด่านตรวจในเส้นทางสายตะวันออกมาแล้วหลายครั้ง เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าจับกุม ตรวจสอบพบยาไอซ์บรรจุห่อพลาสติกกันน้ำ น้ำหนักรวม 2,399 กิโลกรัม มูลค่าภายในประเทศราว 300 ล้านบาท แต่หากหลุดออกน่านน้ำสากลจะกระโดดแตะ 1,500 ล้านบาท
จากการสอบสวนเบื้องต้น ไต๋เรือ อ้างว่าได้รับการว่าจ้างให้นำสินค้าไปส่งกลางทะเล โดยไม่ทราบว่าเป็นยาเสพติด ขณะที่ลูกเรืออีก 7 รายให้การในลักษณะคล้ายกันว่า รับจ้างทำงานรายวัน ไม่รู้ว่าสิ่งที่บรรทุกคือยาไอซ์
ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับบัญชีต้องสงสัย และเร่งพิสูจน์ความเป็นเจ้าของรถทั้งสองคันที่ใช้ลำเลียงยา คาดเชื่อมโยงเครือข่ายข้ามชาติรายใหญ่ที่มีฐานบัญชาการในประเทศเพื่อนบ้าน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำผู้ต้องหาทั้งหมด 8 ราย ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI เพื่อขยายผลต่อไป
ปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งใน “เคสระดับชาติ” ที่แสดงให้เห็นว่าขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติกำลังหันมาใช้ เส้นทางทะเลภาคตะวันออก เป็นจุดพักและส่งยาออกไปยังปลายทางต่างประเทศ ท่ามกลางมาตรการสอดส่องที่ยังมีช่องว่าง
เจ้าหน้าที่ ปปส. และทัพเรือภาค 1 ยืนยันชัด จะเดินหน้ากวาดล้างขบวนการค้ายาให้สิ้นซาก พร้อมใช้บทเรียนนี้ต่อยอดขยายผลถึงต้นตอ “ตัวใหญ่” ที่ยังซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของธุรกิจผิดกฎหมายข้ามพรมแดน.