“หมอเชิดชัย” อวยพรฝ่ายค้านป้ายแดง บอก”อนุทิน” ได้รับบทเรียนราคาแพงรอบนี้ อวยอิ๊งค์ ผู้นำสุภาพสตรี พาเสียงปริ่มน้ำอยู่ครบเทอม ชี้”ลุงตู่”ก็เคยผ่านมาแล้ว
22 มิ.ย.2568 – ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย ภายในหมู่บ้านเลคไซค์วิลล์ ริมบึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น รศ.นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ที่ จ.ขอนแก่นว่า ถึงเวลาที่พรรคภูมิใจไทย จะไปเป็นฝ่ายค้านป้ายแดงตามที่ตั้งใจไว้และหลายท่านได้ลาออกจากรองนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีแล้ว ดังนั้นจากนี้ไปขอส่งกำลังใจให้พรรคฝ่ายค้านป้ายแดงได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ ซึ่งประชาชนแม้กระทั่งคนในพรรคภูมิใจไทยก็ทราบอยู่แล้วว่าขณะนี้พรรคเจอเรื่องอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขากระโดง,การบุกรุกที่ดินที่เขาใหญ่,ประเด็นฮั้ว สว.และล่าสุดคือเรืองการนำถนนมาทำสนามบิน ดังนั้นการตัดสินใจของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่มาประกาศไม่ร่วมรัฐบาลและขอไปเป็นฝ่ายค้าน จะเป็นบทเรียนราคาแพง ที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจในครั้งนี้
“โดยส่วนตัวเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยจะทำหน้าที่ฝ่ายค้ายได้ดีเพราะชอบบอกว่าพูดแล้วทำ และถือเป็นฝ่ายค้านป้ายแดง ที่กระแสจุดไม่ติดเนื่องจากพรรคภูมิใจไทยนั้นเป็นพรรคร่วมรัฐบาลมาก่อนดังนั้นวันนี้เมื่อคุณอนุทินได้ตัดสินใจแล้ว ก็ต้องรับให้ได้ในสิ่งที่เกิดขึ้น และมั่นใจว่ารอยร้าวครั้งนี้จะกลับมาจุดติดหรือกลับมาร่วมงานกันไม่ได้อีกแล้ว ซึ่งพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็พร้อมที่จะเดินหน้าและก้าวผ่านความขัดแย้ง ด้วยการตัดสินใจปรับ ครม.ในเร็วๆนี้” รศ.นพ.เชิดชัย ระบุ
รศ.นพ.เชิดชัย กล่าวว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ หลายคนมาบอกว่ารัฐบาลจะเสียวปริ่มน้ำแต่ก็หลายสิบเสียง และอย่าลืมว่าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยจัดตั้งรัฐบาลมาแล้วด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่งเพียง 3 คะแนนและอยู่กันจนครบเทอม ดังนั้นวันนี้ นายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาอะไรมามากมาก มีภาวะผู้นำที่แข็งแกร่งขึ้นพร้อมที่จะเดินหน้านำพาประเทศของเราต่อไปด้วยการปรับ ครม.โดยมีคณะทำงานและพรรคร่วมรัฐบาลที่ทุกคนพอจะทราบกันแล้วว่ามีพรรคการเมืองใดที่พร้อมมาทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนจากนี้ต่อไป
“เราเคยได้ยินแต่คำว่าการแสดงออกด้วยการเป็นสุภาพบุรุษ ซึ่งวันนี้ชัดเจนแล้วว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความรับผิดชอบ กล่าวคำขอโทษและยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งถือเป็นการแสดงออกของการเป็นผู้นำ เป็นสุภาพสตรี ที่ผ่านเหตุการณ์ดังกล่าวนี้มาแล้วดังนั้นจากนี้ไปคือการบริหารประเทศกับ ครม.ชุดใหม่เพื่อแก้ปัญหาทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงขอให้นายกรัฐมนตรีนั้น มีสติ สงบ สยบทุกความเคลื่อนไหวทำหน้าที่เพื่อประชาชนต่อไป และที่สำคัญเราแทบจะไม่เห็นผู้นำประเทศใด ที่ยกมือไหว้และกล่าวคำขอโทษแม่ทัพทหาร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนอบน้อม การไม่ถือยศตำแหน่ง การยอมรับในสิ่งที่ทำลงไปและต้องการประสานพลังร่วมทุกฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาและนำพาประเทศนั้นเดินหน้าต่อไป” รศ.นพ.เชิดชัย ระบุ.