นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ระหว่างพิจารณาขยายเวลาโครงการคุณสู้ เราช่วย ออกไปอีก จากเดิมที่จะสิ้นสุด 30 มิ.ย.นี้ นอกจากนี้ ธปท. กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาปรับแก้เงื่อนไขในโครงการ ดังนี้
1.จะขยายคุณสมบัติลูกหนี้ของมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” จากเดิมที่ต้องค้างชำระเกิน 30 วันขึ้นไป (ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2567) ปรับเป็น ลูกหนี้ที่เคยมีประวัติค้างชำระ 1 วัน ขึ้นไป และเคยปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเป็นการขยายโอกาสให้พี่น้องประชาชนเข้าร่วมมาตรการได้มากยิ่งขึ้น
สำหรับมาตรการ ‘จ่ายตรง คงทรัพย์’ จะช่วยลูกหนี้ ดังนี้
โดยจะช่วยปรับโครงสร้างหนี้และลดค่างวดในปีที่ 1 เหลือ 50% ในปีที่ 2 เหลือ 70% ในปีที่ 3 เหลือ 90% และ ‘พักภาระดอกเบี้ย’ เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยค่างวดที่จ่ายจะนำไปตัดชำระเงินต้นทั้งหมด ขณะที่ดอกเบี้ยที่พักไว้ตลอดระยะเวลา 3 ปีจะ “ได้รับการยกเว้น” ตามเงื่อนไข
2.ขยายภาระหนี้ของมาตรการ “จ่าย ปิด จบ” จากเดิมที่ภาระหนี้เสียไม่เกิน 5,000 บาท ปรับเป็น หนี้เสียแบบไม่มีหลักประกัน ภาระหนี้ไม่เกิน 10,000 บาท ต่อบัญชี และหนี้เสียแบบมีหลักประกัน ภาระหนี้ไม่เกิน 30,000 บาท ต่อบัญชี โดยในมาตรการนี้ ลูกหนี้ชำระหนี้ขั้นต่ำเพียง 10% ของยอดหนี้คงค้างเพื่อปิดหนี้ได้ทันที คาดว่าทั้งหมดนี้จะสามารถเสนอรายละเอียดทั้งหมดให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วๆนี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นอกจากปรับเกณฑ์โครงการคุณสู้ เราช่วยแล้ว กระทรวงการคลังยังเตรียมเสนอมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เสีย ผ่านธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คาดว่าจะเสนอครม.ภายในเดือนก.ค.นี้
สำหรับธนาคารออมสินนั้น จะเป็นการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม โดยทำโครงการแก้หนี้ NPLs วงเงินต่ำกว่า 1 แสนบาท ประกอบด้วยการยกหนี้ให้ลูกหนี้สินเชื่อสู้ภัยโควิด และการปิดบัญชีตัดหนี้สูญ (Write Off) รวมจำนวนกว่า 500,000 บัญชี
ด้าน ธ.ก.ส. เตรียมมาตรการที่จะเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียเรื้อรัง หรือเป็นหนี้เสียทุกบัญชี ในกลุ่มผู้สูงวัยที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป ซึ่งธ.ก.ส.ได้ประเมินคุณภาพตัวลูกหนี้แล้วว่า ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ได้อีกแล้ว ก็จะเข้าไปช่วยยกหนี้ให้ทั้งหมด โดยมีจำนวนลูกหนี้ประมาณ 10,000 บัญชี มูลหนี้ราว 4-5 พันล้านบาท