เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 68 ทัพนักมวยเยาวชน ทีม “WBC มวยไทย ไทยแลนด์” เดินทางไปเข้าร่วม “อะเมซิ่ง มวยไทย เวิลด์ เฟสติวัล 2025” ที่เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 25-29 มิ.ย. 68 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีมนักมวยเยาวชนไทยชุดนี้มีทั้งหมด 8 คน นำทีมโดย สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง นักมวยไทยชื่อดัง ซึ่งทำหน้าที่เป็นกัปตันทีม

สิทธิชัย เผยว่า เมื่อเดินทางถึงอิตาลี จะให้นักมวยพักผ่อนปรับสภาพร่างกาย 1 วัน ซึ่งเวลาที่อิตาลี ช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะเป็นพิธีเปิดการแข่งขัน ซึ่งเป็นพิธีใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ “มวยไทย” จะได้ไปโชว์ในอัฒจันทร์โรมันครั้งแรกในรอบ 2,000 ปี เพื่อร่วมฉลองมิตรภาพไทย-อิตาลี 157 ปี ท่ามกลางเหล่านักมวยนานาชาติจากทั่วโลกกว่า 1,000 คน ซึ่ง “เวโรนา อารีนา” อัฒจันทร์โบราณที่เคยใช้เป็นเวทีต่อสู้ของเหล่านักรบกลาดิเอเตอร์ในอดีตนั้น นักมวยไทย จะไปเป็นผู้นำรำไหว้ครูมวยไทย และสาธิตการพันมือแบบโบราณ ส่วนการแข่งขันตั้งเป้าคว้าเหรียญรางวัลได้ทุกรุ่น เพราะเตรียมตัวมาดี

สำหรับงานนี้จัดขึ้นที่อิตาลีเป็นครั้งที่ 2 (ครั้งแรกเมื่อปี 2567) โดย สภามวยโลก มวยไทย (WBC MuayThai) ได้รับการสนับสนุนจากสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย, คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เพื่อส่งเสริมมวยไทยเพื่อการท่องเที่ยวเชิงกีฬาและวัฒนธรรม รายละเอียดของงานจะมีการแข่งขันมวยไทย, อบรมผู้ตัดสินมวยไทย, สาธิตมวยโบราณ, เปิดอบรมคลินิกมวยไทย โดยนักมวยที่มีชื่อเสียง

ที่พิเศษคือ ทางสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำอิตาลี และทีมไทยแลนด์ประเทศอิตาลี ได้มาร่วมจัดงาน Thai Village ณ บริเวณสนามแข่งขัน AGSM Arena ซึ่งจะมีการแสดงวัฒนธรรมไทย, นิทรรศการผ้าไหมไทย, บริการนวดแผนไทย และการออกร้านอาหารไทย ซึ่งจะช่วยให้งานนี้ เป็นเทศกาลที่จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทย และส่งเสริมมวยไทยเพื่อการท่องเที่ยว ช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน

ขณะที่ กำหนดการแข่งขัน จะเป็นวันที่ 26-29 มิ.ย. 68 โดยนักมวยเยาวชนทั้ง 8 คน ที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ประกอบด้วย ธานีจูเนียร์ ช.ไทยเศรษฐ์, ขวัญข้าว ลูกพ่อเสือ, เพชรแท้ เกียรติบุรินท์, ฐานทัพ อัครเทวา, เจริญลาภ ส.ทะแกล้วพันธุ์, เพชรมรกต โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว, เอกพยัคฆ์ ศ.พลับพลานารายณ์ และตะวันฉาย ส.ศิริลักษณ์