‘พิชัย’ เคาะชง ครม. พิจารณาปรับเงื่อนไขคุณสู้ เราช่วย หวังปักธงแก้หนี้เสียกลุ่มต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อบัญชี วงเงินกว่า 1.23 แสนล้านบาท พร้อมเล็งถกนอนแบงก์ เดินเครื่องไอเดีย ‘รถกระบะเก่าและใหม่’ หวังอุ้มอุตสาหกรรมรถยนต์ ชูกลไกภาษีช่วยดึงดูดใจ
23 มิ.ย. 2568 – นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (24 มิ.ย.) คาดว่าจะมีการเสนอการปรับเงื่อนไขมาตรการคุณสู้ เราช่วย เพื่อให้ครอบคลุมแนวทางการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ได้มากขึ้น โดยเบื้องต้นจะมีการขยายเกณฑ์คุณสมบัติลูกหนี้ของมาตรการจ่ายตรง คงทรัพย์ จากเดิมที่ต้องค้างชำระเกิน 30 วันขึ้นไป โดยจะปรับเป็นลูกหนี้ที่เคยมีประวัติค้างชำระ 1 วันขึ้นไป และเคยปรับโครงสร้างหนี้ สามารถเข้าร่วมมาตรการได้ เพื่อเป็นการขยายโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมมาตรการได้มากขึ้น ขณะเดียวกันจะมีการปรับเงื่อนไขมาตรการจ่าย ปิด จบ จากเดิมที่ภาระหนี้เสียต้องไม่เกิน 5,000 บาท ปรับเป็นหนี้เสียแบบไม่มีหลักประกัน ภาระหนี้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อบัญชี และหนี้เสียแบบมีหลักประกัน ภาระหนี้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อบัญชี สามารถเข้าร่วมมาตรการนี้ได้
ทั้งนี้ มองว่าการปรับเงื่อนไขดังกล่าวจะครอบคลุมไปถึงลูกหนี้ที่มีมูลหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อบัญชี ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 3 ล้ากว่าบัญชี วงเงินอยู่ราว 1.23 แสนล้านบาท คิดเป็น 65-66% ของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ทั้งหมด 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งหากสามารถแก้ไขในส่วนนี้ได้ก็เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยทำให้ NPL หรือหนี้ครัวเรือนในระบบลดลงได้อย่างมีสาระสำคัญ และจะช่วยให้ลูกหนี้ไม่ต้องมีประวัติเครดิตบูโร ซึ่งจะช่วยทำให้สามารถขอสินเชื่อใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“คาดว่าจะเสนอ ครม. อย่างเร็วที่สุดได้คือวันนี้ (24 มิ.ย.) ส่วนอย่างช้าที่สุดคือสัปดาห์หน้า เพื่อให้ความช่วยเหลือครอบคลุมลูกหนี้มากยิ่งขึ้น” นายพิชัย ระบุ
นอกจากนี้ จะมีการหารือกับนอนแบงก์ เพื่อหาแนวทางให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ โดยเฉพาะลูกหนี้สินเชื่อรถยนต์ ซึ่งในส่วนนี้มองว่าไม่เพียงเป็นการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ด้วย โดยแนวคิดเบื้องต้น คือ ให้สามารถนำรถกระบะที่มีอายุ 20-25 ปี ซึ่งปล่อยมลพิษเยอะ โดยจะต้องมีมาตรการเพื่อดึงรถในกลุ่มนี้เข้ามา และให้เจ้าของสามารถซื้อรถคันใหม่ได้ โดยตั้งภาษีที่ดึงดูดใจ ซึ่งจะมีกลไกของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการค้ำประกันเงินกู้ใหม่
“แนวคิดง่าย ๆ เลย ก็เหมือนการนำรถกระบะเก่ามาแลกรถคันใหม่ โดยตั้งภาษีที่ดึงดูดใจ ซึ่งเมื่อเราดึงรถเก่าเข้ามาได้ ก็จะขายรถใหม่ออกไปได้ ส่วนภาษีเก็บน้อยลงหน่อย เหมือนเป็นการแลก ตรงนี้นอกจากช่วยประชาชนแล้ว ก็ยังเป็นการช่วยอุตสาหกรรมรถยนต์ด้วย” นายพิชัย กล่าว