ครม.ไฟเขียว! ติดโซลาร์รูฟท็อป ลดหย่อนภาษีได้ 2 แสน เช็กเงื่อนไขที่นี่
GH News June 25, 2025 06:10 PM

ครม.เคาะมาตรการกระตุ้นพลังงานสะอาด คนไทยเฮ ติดโซลาร์รูฟท็อป บนหลังคาบ้านลดค่าไฟ สามารถหักลดหย่อนได้สูงสุด 200,000 บาท มีเงื่อนไขอะไรบ้างเช็กเลยที่นี่

ถือเป็นข่าวดีสำหรับคนไทยที่อยากประหยัดค่าไฟและใช้พลังงานสะอาด เมื่อล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติมาตรการส่งเสริมการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือ โซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) สำหรับบ้านอยู่อาศัย โดยมอบสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีครั้งใหญ่

มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนหันมาลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เพื่อช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าในครัวเรือนและเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในประเทศ โดยผู้ที่ติดตั้งจะสามารถนำค่าใช้จ่ายไปหัก ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท

เช็กเงื่อนไข “คนไทย” ขอสิทธิ์ลดหย่อนภาษี Solar Rooftop

สำหรับประชาชนทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมมาตรการนี้ จะต้องมีคุณสมบัติและปฏิบัติตามเงื่อนไขสำคัญ ดังนี้

  • ต้องเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 (บ้านอยู่อาศัย)
  • ชื่อผู้ที่ต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี ต้องเป็นชื่อเดียวกับเจ้าของมิเตอร์ไฟฟ้า
  • สิทธิ์การลดหย่อนคือ 1 บุคคล ต่อ 1 มิเตอร์ และต่อ 1 ระบบเท่านั้น
  • ระบบโซลาร์รูฟท็อปที่ติดตั้งต้องเป็นแบบเชื่อมต่อกับสายส่ง (On-grid) และมีกำลังการผลิตไม่เกิน 10 กิโลวัตต์พีค (kWp)
  • ต้องดำเนินการจัดซื้อและติดตั้งให้แล้วเสร็จ พร้อมยื่นขออนุญาตเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าให้เรียบร้อยภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2571
  • ต้องมีหลักฐานใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ (Tax Invoice) จากการซื้อและติดตั้ง

มาตรการสำหรับผู้ประกอบการ

นอกเหนือจากมาตรการสำหรับภาคประชาชนแล้ว ครม.ยังได้อนุมัติมาตรการสำหรับผู้ประกอบการภาคธุรกิจ โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ลงทุนซื้อหรือปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อการประหยัดพลังงานที่ได้รับการรับรองฉลากประสิทธิภาพสูง จะสามารถนำค่าใช้จ่ายไปหักภาษีได้ถึง 1.5 เท่าของรายจ่ายจริง

มาตรการดังกล่าวเพิ่งได้รับการอนุมัติในหลักการจาก ครม. และยังต้องรอการประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกา รวมถึงรายละเอียดและหลักเกณฑ์ฉบับสมบูรณ์จากกรมสรรพากรต่อไป

เบื้องหลังมาตรการ ประโยชน์มหาศาลต่อประเทศ

นอกจากการช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนโดยตรง รัฐบาลคาดการณ์ว่ามาตรการนี้จะสร้างประโยชน์ในภาพรวมต่อประเทศอย่างมหาศาล โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการถึง 90,000 ราย ซึ่งจะช่วย:

  • กระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมได้ถึง 20,250 ล้านบาท
  • ลดการใช้ไฟฟ้าของประเทศได้ 585 ล้านหน่วยต่อปี
  • ลดการนำเข้าก๊าซ LNG เพื่อผลิตไฟฟ้าได้ถึง 2,100 ล้านบาท
  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 2.64 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

อ้างอิง : กรมประชาสัมพันธ์

ข่าวล่าสุด
© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.