จั่วหัวแบบนี้ ไม่เกินจริงกับรถยนต์เอสยูวี บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์ 3 ใหม่ (BMW X3) เจเนอเรชั่นที่ 4
ออกสตาร์ตจากกลางใจเมือง หัวถนนสีลม มุ่งหน้าสู่สนามเอ็นดูโร่ ปาร์ค จ.ชลบุรี มีรถ 2 รุ่นย่อย คือ X3 20d xDrive M Sport Pro เครื่องยนต์ดีเซล และ X3 M50 xDrive เครื่องยนต์เบนซิน
รถ X3 รถเอสยูวีขนาดกลางที่ให้ความคล่องตัวสูง โดยเฉพาะการขับขี่ในเขตเมือง สภาพการจราจรหนาแน่น
ด้วยดีไซน์การออกแบบรถคันนี้ให้มีความทันสมัย สปอร์ต โดยลดทอนเหลี่ยม คม สัน ของเส้นสาย ทำให้รถมีความกลมกลืนและโฉบเฉี่ยว
แม้จะถูกยืดความยาวเพิ่มขึ้น 47 มม. ความกว้างขึ้น 29 มม. จากรุ่นก่อนหน้า ส่วนความสูงกดลง 16 มม. และระยะล้อที่กว้างขึ้น ทำให้ตัวรถดูทรงพลังและสปอร์ตยิ่งกว่าเดิม
กระจังหน้า มีการปรับซี่กระจังหน้า วางในแนวตั้งและทแยงมุม มีไฟ BMW Iconic Glow ที่กรอบกระจังหน้า
ชุดไฟ LED รูปตัวแอล ไฟหน้าดวงหลักแบบ Adaptive LED ใช้ระบบไฟสูงแบบ Matrix High Beam มาพร้อมชุดแต่ง M Lights Shadowline
ใส่สเกิร์ตรอบคัน แนวหลังคาที่ทอดยาวไปด้านท้ายรถ บั้นท้ายของรถดูกว้างขึ้น ด้วยซุ้มล้อหลังขนาดใหญ่
BMW X3 20d xDrive M Sport Pro ซ่อนปลายท่อไอเสียไว้ในกันชนท้าย ล้ออัลลอย M ขนาด 20 นิ้วในดีไซน์ Double Spoke สลับสี ขณะที่ BMW X3 M50 xDrive ขับเน้นความสปอร์ต ด้วยชุดท่อไอเสียคู่ทั้งด้านซ้าย และขวา พร้อมล้ออัลลอย M ขนาด 21 นิ้ว ลาย Star Spoke สลับสี
บีเอ็มฯออกแบบและจัดวางอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในห้องโดยสารได้อย่างลงตัว ได้ความโอ่โถ่ง นั่งสบายท่ามกลางบรรยากาศความเป็นพรีเมี่ยม มีจอโค้ง BMW Curved Display ระบบควบคุมมัลติฟังก์ชั่น BMW Interaction Bar พวงมาลัยแบบตัดขอบล่าง และคันเกียร์ดีไซน์ใหม่
ที่ขัดใจคือปรับช่องแอร์ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง “ใช้งานยาก” ไปนิด
เบาะนั่งสไตล์สปอร์ต ปรับไฟฟ้าหุ้มด้วยวัสดุ Veganza ในรุ่น X3 20d xDrive M Sport Pro และรุ่น X3 M50 xDrive เป็นครั้งแรกที่นำหนัง BMW Individual Leather Merino มาใช้ นั่งสบายทั้งคู่
ตัวแรงอย่าง BMW X3 M50 xDrive M Performance กับเครื่องยนต์ 6 สูบ เทคโนโลยี TwinPower Turbo ความจุ 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 293 กิโลวัตต์ 398 แรงม้า สู่ล้อทั้งสี่ผ่านเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8 จังหวะนั้น ดุดันเหลือล้น มีระบบ Mild Hybrid 48V มาทำงานคู่กับเครื่องยนต์หลักยิ่งเค้นเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ได้ดี
การตอบสนองของเครื่องยนต์ การตอบสนองของอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 4.6 วินาที ไม่เกินจริง การเก็บอาการของช่วงล่างถือว่าดีอาการยวบ อาการย้วย รถคันนี้เอาอยู่
บีเอ็มฯให้เราวิ่งทำความเร็วบนทางฝุ่น เพื่อดูการควบคุมตัวรถเริ่มสตาร์ตที่โหมดนอร์มอล ทำความเร็วเข้าโค้งฝุ่นตลบ วกกลับมาขับเป็นวงกลม 1 รอบ วิ่งออกมาในทางออกที่กำหนดเบรกรถภายในพื้นที่กำหนดให้ดี
ความยาก คือควบคุมรถไปในทิศทางบังคับแล้ว สายตาจะต้องแม่นยำ เพราะทัศนวิสัยการมองเห็นนั้นจะคลาคล่ำไปด้วยฝุ่น ถือเป็นการชาเลนจ์ผู้ขับ และโชว์ให้เห็นเพอร์ฟอร์มานซ์ของรถได้เต็ม ๆ รถให้ความคล่องตัวสูง การคุมพวงมาลัยเป็นเรื่องง่าย เป็นรถมีลักษณะใหญ่ คุมและแก้อาการได้ง่าย ๆ
ส่วนรุ่น BMW X3 20d xDrive M Sport Pro ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์ 197 แรงม้า และมอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. แบบทันใจในเวลา 7.7 วินาที มีระบบ Mild Hybrid 48V เข้ามาช่วยเสริมเช่นเดียวกัน
สเตชั่นนี้ทดสอบความคล่องตัวของรถ ขับลุยผ่านน้ำที่สูงเกือบครึ่งล้อ และทดสอบความเสถียรของตัวรถบนแทร็ก ทางหินกรวด มีแอ่งน้ำ เพื่อจำลองสถานการณ์การขับรถเข้าไปในทางโคลนลื่น ด้วยความเร็ว เป็นเลข 8 แล้วหักพวงมาลัยให้รถมีอาการลื่นไถล เราต้องคุมรถกลับมาในทิศทางที่ต้องการเพื่อความปลอดภัย แน่นอนว่าระบบต่าง ๆ ของรถเข้ามาช่วยซัพพอร์ต ทำให้เราผ่านเส้นทางนั้นมาแบบสบายมือ
ขากลับ เราได้นำเจ้า X3 หวดจากชลบุรี มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ จับอาการของรถโดยรวม ให้ฟีลต่างจากตัวแรง มาเป็นเครื่องยนต์เบนซินที่เป็นตัวแรง คนละฟีล โดยรวมถือว่าขับดี
รถ BMW X3 ทั้ง 2 รุ่น ต่างมีแคแร็กเตอร์ของตัวเองชัดเจน ใครสายโหด สายดุดัน ให้ไปที่เครื่องยนต์เบนซิน X3 M50 xDrive ราคาเริ่มต้นที่ 4,499,000 บาท
แต่ถ้าไม่ต้องการความดุดันมากนัก มาที่คันนี้ BMW X3 20d xDrive M Sport Pro ราคาเริ่มต้นที่ 3,799,000 บาท ก็เพียงพอ