ม็อบพรึ่บ! อนุสาวรีย์ “แกนนำ” อ่านแถลงการณ์ จี้ “อิ๊งค์-พรรคร่วมฯ”ลาออก ฐานสมคบคิดใช้อำนาจหน้าที่ตอบสนองอริราชศัตรู
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 28 มิ.ย 68 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการผู้ชุมนุมของกลุ่ม “รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” ที่ยังคงปักหลักต่อเนื่อง แม้จะมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงบ่าย โดยกลุ่มมวลชนยังคงเดินทางเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง เต็มพื้นที่
ต่อมาเมื่อเวลา 18.00น. นายนิติธร ล้ำเหลือ ได้เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ โดยระบุว่า สถานการณ์การเมืองการปกครองของไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน นับเป็นระยะเวลา 93 ปี บัดนี้ เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า บรรดาฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ โดยเฉพาะคณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้ง การแต่งตั้ง การรัฐประหาร หรือการเลือกกันเอง มิได้มีเจตนารมณ์ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งมิได้ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนอย่างแท้จริง จนก่อให้เกิดวิกฤต ด้านการเมือง เศรษฐกิจ กระบวนการยุติธรรม ความมั่นคง ดุลสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้านคุณธรรม จริยธรรม และสังคมอย่างกว้างขวางลึกและรุนแรง เหตุมาจากการที่มีผู้ไม่นำพา ไม่นับถือยำเกรงกฎหมาย กฎเกณฑ์การปกครองบ้านเมือง ทุจริตฉ้อฉล บิดเบือนอำนาจ ขาดความตระหนัก สำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน จนทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นผล ให้ความสำคัญกับรูปแบบและวิธีการ ยิ่งกว่าหลักการพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย
นอกจากนี้ ยังมีกระบวนการประกอบด้วยกลุ่มบุลคลฝ่ายการเมือง ฝ่ายทุนผูกขาด เหนือตลาด เหนือรัฐ เหนือฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่องค์กรอิสระ องค์กรตรวจสอบ รวมตลอดถึงบุคคลที่อาศัยตำแหน่งอำนาจหน้าที่แอบอ้าง รวมกันทำลายรัฐธรรมนูญ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม จริยธรรม และเอกราชอำนาจอธิปไตย และประชาชน ทำลายหลักป้องกันตรวจสอบ และขจัดการทุจริตคอร์รัปชันอย่างรุนแรง ใช้อำนาจปกครองบ้านเมืองตามอำเภอใจ ทั้งรัฐบาลยังอยู่ภายใต้การบงการ การสั่งการ การครอบงำจากต่างชาติ พฤติกรรมที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นพฤติกรรมที่ประจักษ์ชัดต่อสายตาประชาชนคนไทยทั่วทั้งแผ่นดินต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่ปรากฏว่า บรรดานายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ไม่นำพาต่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม ที่เลวร้ายที่สุด แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ไร้ความสามารถ ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นประจักษ์ ประพฤติผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ออกนโยบายทำลายความมั่นคง ทำลายสถาบันหลักของชาติ กระทำการในลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศชาติ
เข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา หมวด 3 ว่าด้วยความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หมวด 5 หน้าที่ของรัฐ มีพฤติการณ์ตามที่เป็นข่าวสาธารณะในเชิงสมคบคิด และแสดงออกซึ่งเจตนาในการใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางตอบสนองต่อความต้องการของอริราชศัตรู ทั้งแสดงตัวตนด้วยคำพูดและการกระทำ ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นฝ่ายเดียวกับอริราชศัตรู ที่มีความมุ่งหมายลุกล้ำละเมิดอำนาจอธิปไตย ต้องการยึดครองแผ่นดินไทย รวมถึงทรัพยากรของชาติ ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน และขัดต่อคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่นายกรัฐมนตรี
ขณะเดียวกัน แม้ปรากฏข้อเท็จจริงประจักษ์ชัดตามข่าวสาธารณะ และการยอมรับของนายกรัฐมนตรี บรรดาคณะรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลยังคงสนับสนุน แพทองธาร ชินวัตร ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป ไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล จึงอาจถือได้ว่าเข้าร่วมกระทำการกับนายกรัฐมนตรี มีพฤติการณ์เป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศชาติ เข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา กระทำการขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเฉกเช่นเดียวกัน เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ความมั่นคง และอำนาจอธิปไตยแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ ความผาสุขของประชาชนโดยรวม ให้ แพทองธาร ชินวัตร ลาออกทันที
ภายหลังอ่านแถลงการณ์จบ กลุ่มมวลชน ต่างร้องตะโกนพร้อมกันว่า "ออกไป"