ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา แฉ กรณีประธานวุฒิสภาไลฟ์สดถล่มไทย ไม่ได้ปกป้องอธิปไตยกัมพูชา แค่หวั่นระบอบล่ม ท่อน้ำเลี้ยงหาย
นายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา และคู่แข่งทางการเมืองคนสำคัญของสมเด็จฯ ฮุน เซน ที่ต้องลี้ภัยไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2568 อธิบายความเคลื่อนไหวของสมเด็จฯฮุน เซน เกี่ยวกับประเทศไทย ระบุว่า
แท้ที่จริงแล้วเบื้องหลังความไม่พอใจของเขาคือ ความพยายามอย่างจริงจังของไทยในการทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์และเว็บหลอกลวงออนไลน์ที่ดำเนินการโดยชาวจีนที่มีฐานที่มั่นในพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนผิดกฎหมายที่สำคัญสำหรับระบอบการปกครองของกัมพูชาในปัจจุบัน
การดำเนินการที่ผิดกฎหมายและการหลอกลวงเหล่านี้ คาดว่าสร้างรายได้มากกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของกัมพูชา และมันได้รับการปกป้องคุ้มครองโดยผู้มีอิทธิพลในรัฐกัมพูชา รวมถึงสมาชิกในครอบครัวของฮุน เซน เอง
เมื่อแหล่งรายได้ดั้งเดิม เช่น การแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและการให้สัมปทานที่ดิน หมดลงและถูกทำลายจากการคอร์รัปชั่นอย่างเป็นระบบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ระบอบการปกครองของฮุน เซน จึงยิ่งพึ่งพากิจกรรมจากอาชญากรรมเหล่านี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
การกวาดล้างของไทยคือการโจมตีโดยตรงต่อเส้นเลือดใหญ่ทางการเงินนี้ ฮุน เซน จึงตอบโต้ด้วยการหันมาใช้วาทกรรมปลุกกระแสชาตินิยมอีกครั้ง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชน และรวบรวมแรงสนับสนุน
กลวิธีนี้ไม่ใช่ของใหม่ ในปี 2003 ฮุน เซน เคยปลุกกระแสเกลียดชังไทยด้วยข้อกล่าวหาเท็จต่อดาราไทย จนนำไปสู่เหตุจลาจลร้ายแรงในพนมเปญ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต ในปี 2011 เขาใช้ความขัดแย้งบริเวณปราสาทพระวิหารเพื่อกลบกระแสความไม่พอใจภายในประเทศ ทั้งสองกรณีนี้ วาทกรรมชาตินิยมถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อปกปิดความเปราะบางและอ่อนแอทางการเมืองของเขา
ความโกรธแค้นแบบเลือกปฏิบัติของเขายังแสดงให้เห็นประเด็นที่มีความสำคัญเช่นกัน เพราะในขณะที่เขาประณามไทยอย่างเปิดเผยและรุนแรง แต่ฮุน เซน กลับนิ่งเฉยต่อปัญหาด้านเขตแดนที่อ่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนสำคัญมาอย่างยาวนานของเขา แม้ว่าประชาชนกัมพูชามีความกังวลในเรื่องนี้มาอย่างยาวนานก็ตาม
สรุปแล้ว การระเบิดอารมณ์ของฮุน เซน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปกป้องอธิปไตยของกัมพูชา แต่เป็นเรื่องของการรักษาเครือข่ายการเงินที่ฉ้อฉลซึ่งช่วยให้ระบอบการปกครองของเขาดำรงอยู่ต่อไปได้
ประชาคมระหว่างประเทศจำเป็นต้องสนับสนุนความพยายามในการรื้อถอนเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวจะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในพนมเปญก็ตาม
ที่มา มติชน