กรรมของพ่อแม่ตกที่ลูก เด็กชายในจีน สอบได้คะแนนสูงสุด แต่กลับถูกมหาวิทยาลัยชั้นนำปฏิเสธหมด เพราะครอบครัวปลอมข้อมูลเชื้อชาติหวังได้แต้มพิเศษ สุดท้ายต้องสอบใหม่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ทุจริตฉาวแดนมังกร หอ ซวนหยาง (He Xuanyang) นักเรียนชายจากเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ซึ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยปี 2552 ได้คะแนนสูงถึง 659 คะแนน ทุบสถิติสูงสุดอันดับหนึ่ง ของสายสังคมศาสตร์ทั้งจังหวัด แต่กลับถูกปฏิเสธจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีนอย่าง มหาวิทยาลัยปักกิ่ง แม้ก่อนหน้านี้เคยได้รับการติดต่อเชิญเข้าศึกษาอย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม เพราะผลกรรมจากการสิ่งที่ครบอครัวเคยทำไว้
แม้จะได้รับเสียงชื่นชมจากสื่อท้องถิ่นในฐานะ “เด็กเก่งระดับประเทศ” ถูกมหาวิทยาลัยชั้นนำยื่นข้อเสนอเข้าศึกษาในสาขาการจัดการ แต่เรื่องกลับตาลปัตรภายในไม่กี่วัน เมื่อมีการเปิดเผยว่า หอ ซวนหยาง ได้ ปลอมแปลงข้อมูลเชื้อชาติของตนเอง อ้างว่าว่าเป็นชนกลุ่มน้อย “ถั่วเจีย” ทั้งที่แท้จริงเป็นคนเชื้อสายฮั่น
การปลอมแปลงเชื้อชาติ ทำให้เขาได้รับสิทธิพิเศษ “บวกคะแนนเพิ่ม” อีก 20 คะแนน ซึ่งมีผลอย่างมากในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในระบบจีน เมื่อข้อมูลนี้ถูกเปิดโปง มหาวิทยาลัยต่าง ๆ รวมถึงปักกิ่งที่เคยแสดงความสนใจ ก็ประกาศไม่รับเด็กคนนี้เด็ดขาด
ข้อมูลเพิ่มเติมแฉว่า พ่อของหอ ซวนหยาง เป็นหัวหน้าฝ่ายรับสมัครนักเรียนระดับอำเภอ ส่วนแม่เป็นข้าราชการระดับรองผู้อำนวยการ ทั้งคู่ยอมรับว่าได้แก้ไขเอกสารราชการ เพื่อให้ลูกชายได้รับสิทธิคะแนนพิเศษ เพราะต้องการประกันอนาคตของลูกในการสอบครั้งสำคัญ แต่ไม่คาดว่าจะกลายเป็นดาบสองคม
แม้พฤติกรรมทุจริตจะส่งผลให้เด็กหนุ่มกับครอบครัวตกเป็นเป้าการโจมตีจากสังคม รวมถึงผู้ปกครองคนอื่น ๆ แต่หอ ซวนหยางไม่ยอมแพ้ เขาตัดสินใจเตรียมตัวสอบใหม่ในปีถัดมา แถมทำคะแนนได้สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 15 คะแนน แม้จะไม่ได้อันดับหนึ่งอีก แต่คะแนนยังติด 1 ใน 10 ของทั้งจังหวัด
ปีนั้น มหาวิทยาลัยปักกิ่งได้กลับมาเชิญเข้าศึกษาอีกครั้ง ยืนยันว่าการสอบครั้งใหม่นั้นใช้ข้อมูลจริงทุกประการ และไม่มีการบิดเบือน
เมื่อเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยปักกิ่งอย่างภาคภูมิ หอ ซวนหยาง ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อด้วยความมั่นใจ พร้อมยอมรับอดีตโดยไม่ปฏิเสธ เขากลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่กล้ากลับมายืนด้วยขาตัวเอง แม้จะเคยพลาด
จีนขึ้นชื่อเรื่องความเข้มข้นของระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัย คะแนนต่างกันเพียงแต้มเดียว เปลี่ยนชีวิตคนคนหนึ่งไปโดยสิ้นเชิง แต่ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่า การโกงเพื่อเอาคะแนนเพิ่ม แม้เพียงนิดเดียว อาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นทำลายทั้งอนาคตของลูก และชื่อเสียงของครอบครัว
สำหรับผู้ปกครองไทย บทเรียนนี้นับว่าเป็นกรณีศึกษาที่ชัดเจนว่า การพยายาม “ลัดขั้นตอน” แม้ด้วยความรักลูก อาจกลายเป็นชนวนของความสูญเสีย หากไม่มีสติยั้งคิด หรือไม่ยึดมั่นในความถูกต้องตั้งแต่แรก
เพราะประตูแห่งโอกาสไม่เปิดรับคนที่เดินทางมาด้วยการโกง แม้มีความสามารถ ก็อาจไม่มีใครเชื่อถือ หากไร้ซึ่งจริยธรรม.