เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ณ AGSM Forum สนามกีฬาในเมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี พล.ต.ธนพล ภักดีภูมิ ประธานสภามวยโลก มวยไทย (WBC มวยไทย) นำทีมนักกีฬามวยไทยจากทั่วทุกมุมโลก 72 ประเทศ ร่วม 1,000 คน เข้าร่วมพิธีปิดงาน “อะเมซิ่ง มวยไทย เวิลด์ เฟสติวัล 2025” ในวาระฉลองความสัมพันธ์ไทย-อิตาลี 157 ปี

ไฮไลต์อยู่ที่การมอบเหรียญรางวัลให้กับนักมวยและมอบใบประกาศให้กับผู้สนับสนุน พร้อมประกาศเชิญชวนส่งต่อความสุขกับกิจกรรมมวยระดับนานาชาติ การประชุมระดับโลก “WBC World Convention (WBC)” ครั้งที่ 63 และการประชุม “WBC มวยไทย” ครั้งที่ 1 กำหนดจัดขึ้นที่ วัน แบงค็อก ฟอรัม กรุงเทพฯ วันที่ 30 พ.ย.-5 ธ.ค. 68 ซึ่งเป็นงานใหญ่จัดขึ้นปีละครั้ง คาดว่าจะมีผู้ร่วมงานมากกว่า 2,000 คน

สำหรับผลงานของ 8 นักเยาวชน “WBC มวยไทย ไทยแลนด์” คว้ามาได้ 2 เหรียญทอง จาก ตะวันฉาย ส.ศิริลักษณ์ (นนทวัฒน์ แข็งแรงดี), เพชรมรกต ศิษย์สองพี่น้อง (เตชินท์ ใจสวัด), 2 เหรียญเงิน จาก เอกพยัคฆ์ ทต.พลับพลานารายณ์ (ธนกฤต วิเขียรสมุทร), เจริญลาภ ส.ทะแกล้วพันธุ์ (เดชานันท์ อุดมรัตนเทพกิจ) และ 3 เหรียญทองแดง จาก ขวัญข้าว ลูกพ่อเสือ (พรกมล ทองเผือก) มวยหญิง, เพชรแท้ เกียรติบุรินท์ (ธีร์ธวัช รำประโคน), ฐานทัพ อัครเทวา (ระฟ้า อัครเทวา)

ทางด้าน พล.ต.ธนพล กล่าวว่า “อะเมซิ่ง มวยไทย เวิลด์ เฟสติวัล 2025” ที่อิตาลี ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ตามวัตถุประสงค์ทุกประการ โดยเฉพาะทุกคนได้รับความสุขความสำเร็จ รักมวยไทยมากยิ่งขึ้น นักกีฬาทุกคนได้รับการดูแลอย่างดี เราต้องขอขอบคุณ รัฐบาลไทย, กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา, การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี, นายเปาโล ดีโอนีซี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย, บริษัท ที เค ซี คอมมิวนิเคชั่น (มหาชน) จำกัด ที่ให้การสนับสนุน หลังจากนี้เราจะมีการประชุมใหญ่ของ WBC กับ WBC มวยไทย ระหว่าง 30 พ.ย.-5 ธ.ค. นี้ คณะทำงานจะเน้น “มวยไทย” เป็นกิจกรรมหลัก ตอกย้ำบทบาทของมวยไทยในเวทีนานาชาติ โดยประเด็นสำคัญของการประชุม จะครอบคลุมแนวทางพัฒนากีฬามวยไทย มวยโลก การเสริมสร้างความปลอดภัยแก่นักกีฬา การสัมมนาทางการแพทย์และอบรมผู้ตัดสิน ซึ่งจะช่วยให้เสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทย และส่งเสริมมวยไทยเพื่อการท่องเที่ยว ช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน