วันที่ 30 มิถุนายน 2568 นางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 23 – 29 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) ได้มีรายงานเคสตัวอย่างอาชญากรรมออนไลน์ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวง จำนวน 5 เคส ประกอบด้วย
คดีที่ 1 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 3,900,000 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Facebook ชักชวนเทรดหุ้นน้ำมัน ผู้เสียหายสนใจจึงสอบถามรายละเอียดต่างๆ ผ่านทาง Messenger Facebook จากนั้นโอนเงินเพื่อเริ่มเทรดหุ้น ในช่วงแรกสามารถถอนเงินจากระบบได้จริง ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเทรดหุ้นเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากแต่ไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพยังคงแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 2 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ มูลค่าความเสียหาย 1,198,349 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัยมหิดล มิจฉาชีพแจ้งหมายเลขโทรศัพท์หน่วยงานให้ผู้เสียหายโทรติดต่อ เพื่อคัดลอกเอกสารชดเชยเงินครองชีพ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโทรติดต่อไปที่หมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว จากนั้นได้รับคำแนะนำให้เพิ่มเพื่อนทาง Line และให้ทำตามขั้นตอนต่างๆ จนถึงการสแกนใบหน้าเข้าใช้งานแอปพลิเคชันของธนาคาร พบว่ายอดเงินในบัญชีได้ถูกโอนออกไปจนหมด ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 3 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ มูลค่าความเสียหาย 3,587,998 บาท โดยผู้เสียหายพบโฆษณาผ่านช่องทาง Facebook เป็นการแจกสินค้าตัวอย่างให้ทดลองใช้ฟรี โดยมีเงื่อนไขว่าต้องกด Like กด Share และถ่ายภาพหน้าจอส่งทาง Line ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line เพื่อทำกิจกรรม ต่อมาได้รับการชักชวนให้ลงทุนเพื่อรับผลตอบแทน ช่วงแรกได้รับเงินจริง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปลงทุนเป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพอ้างว่าเกิดข้อผิดพลาดจะต้องโอนเงินเพื่อยืนยันบัญชีเรื่อยๆ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 4 คดีข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) มูลค่าความเสียหาย 10,462,875 บาท ทั้งนี้ผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่จาก AIS แจ้งว่ามีบุคคลนำบัตรประชาชนของผู้เสียหายไปเปิดหมายเลขโทรศัพท์เพื่อใช้ในทางผิดกฎหมาย จากนั้นโอนสายไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยผู้ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน จะต้องโอนเงินไปตรวจสอบหากไม่ให้ความร่วมมือจะทำการอายัดบัญชีและแจ้งข้อหาเพิ่ม ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปจนหมด จากนั้นไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
และคดีที่ 5 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 2,700,000 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Tiktok ชักชวนหารายได้พิเศษโดยลงทุนขายสินค้าออนไลน์ แจ้งให้โอนเงินสำรองทุนเพื่อสั่งสินค้ามาจำหน่ายและรอรับค่าคอมมิชชัน ช่วงแรกได้รับเงินจริง ผู้เสียหายจึงโอนเงินลงทุนเพิ่มมากขึ้นแต่ไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพอ้างว่าผู้เสียหายทำรายการผิดพลาด จะต้องโอนเงินไปเรื่อยๆ จนกว่าระบบจะเปิด ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินอีกหลายครั้งแต่ไม่สามารถถอนเงินได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
สำหรับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้ง 5 คดี รวม 21,849,222 บาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ ศูนย์ AOC 1441 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง วันที่ 27 มิถุนายน 2568 มีตัวเลขสถิติผลการดำเนินงาน ดังนี้
1. สายโทรเข้า 1441 จำนวน 1,854,320 สาย / เฉลี่ยต่อวัน 3,065 สาย
2. ระงับบัญชีธนาคาร จำนวน 739,409 บัญชี / เฉลี่ยต่อวัน 1,313 บัญชี
3. ระงับบัญชีตามประเภทคดีสูงสุด 5 ประเภท ได้แก่ (1) หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 233,657 บัญชี คิด เป็นร้อยละ 31.60 (2) หลอกลวงหารายได้พิเศษ 170,235 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 23.02 (3) หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล 104,972 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 14.20 (4) หลอกลวงลงทุน 102,982 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 13.93 (5) หลอกลวงให้กู้เงิน 52,601 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 7.11 (และคดีอื่นๆ 74,962 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 10.14)
“จากเคสตัวอย่างจะเห็นได้ว่า มิจฉาชีพใช้กลอุบายหลอกลวงผู้เสียหาย โดยอ้างเป็น เจ้าหน้าที่เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เอไอเอส ข่มขู่ผู้เสียหายว่าเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน ก่อนโอนสายให้กับผู้ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อตรวจสอบบัญชี รวมทั้งยังพบเคสหลอกลงทุน หรือหารายได้พิเศษ และเคสอ้างเป็นเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย หลอกลวงให้ติดตั้งแอปฯ ซึ่งพบว่ามีมูลค่าความเสียหายรวมเกือบ 22 ล้านบาท ทั้งนี้ขอย้ำว่า หากมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรต่างๆ หรือเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการ ควรตรวจสอบให้แน่ชัด โดยเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ จะไม่มีการติดต่อกับประชาชนโดยตรง หรือติดต่อผ่านทางโซเชียลมีเดีย และจะไม่มีการให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบบัญชีแต่อย่างใด นอกจากนี้ไม่ควรดาวน์โหลดแอปฯ หรือกดลิงก์ที่ไม่รู้ที่มาแน่ชัดอย่างเด็ดขาด ด้านการลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีการรับรองโดยหน่วยงานน่าเชื่อถือ เป็นการเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง” นางสาววงศ์อะเคื้อ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนยึดหลัก 4 ไม่ คือ 1. ไม่กดลิงก์ 2.ไม่เชื่อ 3.ไม่รีบ และ 4.ไม่โอน ก่อนที่จะทำธุรกรรมใดๆ อย่ากดเข้าลิงก์เว็บไซต์ หรือดาวน์โหลด และอัปโหลดแพลตฟอร์ม ที่มีการส่งต่อจากช่องทางที่ไม่แน่ใจ โดยกระทรวงดีอี ได้เร่งดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเผยแพร่ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันภัยอาชญากรรมออนไลน์ ผ่านศูนย์ AOC 1441 เพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
หากประชาชนโดนหลอกออนไลน์ โทรแจ้งดำเนินการ ระงับ อายัดบัญชี AOC 1441
แจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)
| Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com
--------------------------------------------------------------------------------------