นักวิเคราะห์ในพนมเปญ วิพากษ์การทูตไทยอย่างรุนแรง ตราหน้าว่าเต็มไปด้วยความย้อนแย้ง สองมาตรฐาน และการเพิกเฉยต่อแนวคิดชาตินิยมสุดโต่ง ชี้ไทยโกหกโลกเรื่องชายแดนและปล่อยให้ลัทธิทหารเติบโต เตือนสันติภาพสองชาติอาจไม่ยั่งยืน
สำนักข่าว KHMER TIMES รายงานบทวิเคราะห์ที่มีการเผยแพร่ในกัมพูชา โดยนักวิเคราะห์ในกรุงพนมเปญ ได้วิพากษ์วิจารณ์ท่าทีของประเทศไทยอย่างรุนแรง โดยผู้เขียนซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงในกรุงพนมเปญได้ตราหน้าว่า การทูตของไทยกลายเป็นเรื่องตลก ที่เต็มไปด้วยความย้อนแย้ง พฤติกรรมสองมาตรฐาน และการเพิกเฉยต่อแนวคิดชาตินิยมสุดโต่งที่กำลังคุกคามเพื่อนบ้าน
ประเด็นแรกที่บทความชี้ให้เห็นคือ ภาวะที่คำพูดของทางการไทยสวนทางกับความเป็นจริงที่ชายแดน โดยยกตัวอย่างกรณีที่ศูนย์บัญชาการชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงว่าด่านทุกแห่งยังคงเปิดปกติ แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่มีการอนุญาตให้ประชาชนข้ามพรมแดนได้จริง ซึ่งผู้เขียนมองว่านี่คือ การโกหกต่อชาวโลก และทำให้บุคลากรทางการทูตของไทยต้องตกอยู่ในสถานะที่น่าอับอาย
อีกประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ ท่าทีสองมาตรฐานของไทยบนเวทีโลก ที่มักจะแสดงตนเป็นผู้สนับสนุนกฎระเบียบระหว่างประเทศ แต่กลับมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น การที่เจ้าหน้าที่ไทยยื่นเรื่องฟ้องร้องสมเด็จฯ ฮุน เซน ต่อตำรวจไทย ซึ่งผู้เขียนมองว่าเป็นการกระทำที่ก้าวล่วงขอบเขตอำนาจศาล
อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาที่รุนแรงที่สุดในบทความนี้ คือการที่ผู้เขียนมองว่าสังคมไทยกำลังปล่อยให้ ลัทธิทหารนิยม และการเหยียดเชื้อชาติ เติบโต โดยอ้างว่าสื่อไทยบางแห่งที่มีผู้ติดตามจำนวนมากได้เผยแพร่แนวคิดเรื่องการบุกรุกดินแดนกัมพูชา และน่าตกใจที่ไม่มีผู้นำหรือปัญญาชนชาวไทยคนใดออกมาประณามวาทกรรมแสดงความเกลียดชังเหล่านี้อย่างจริงจัง
บทวิเคราะห์ยังได้วิพากษ์ถึงมุมมองทางประวัติศาสตร์ของไทยที่ยังคงโหยหา แผนที่สยามยุคโบราณ และกล่าวโทษฝรั่งเศสที่ทำให้เสียดินแดนให้แก่กัมพูชา ซึ่งผู้เขียนมองว่านี่คือ การปฏิเสธประวัติศาสตร์ และเป็นทัศนคติแบบจักรวรรดินิยมที่ไม่เข้าใจว่ากัมพูชาคืออารยธรรมที่มีอธิปไตยเป็นของตนเอง
ผู้เขียนได้ทิ้งท้ายด้วยคำเตือนที่น่ากังวลว่า หากแนวคิดที่อันตรายเหล่านี้ยังคงถูกเผยแพร่โดยไร้การควบคุม สันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างสองชาติก็อาจไม่มีวันเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะในรุ่นนี้หรือรุ่นต่อ ๆ ไป