หมอไต้หวันอ้างอิงงานงานวิจัยล่าสุด สมองตื้อ-ความจำแย่ลง แนะแค่นวดเบาๆ 2 จุดนี้ วันละ 5 นาที ก็เห็นผล แม้วัย 90 ปี
หมอเฉพาะทางด้านพันธุกรรม ดร.จาง เจียหมิง ชาวไต้หวัน อ้างอิงงานวิจัยล่าสุดจากวารสาร Nature ปี 2025 ระบุว่า ปัญหาเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับการที่สมองขจัดของเสียได้ไม่ดีพอ
การนวดหน้าและลำคอเบา ๆ ทุกวัน สามารถกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำหล่อสมองไขสันหลัง ช่วยให้ร่างกายขับของเสียในสมองได้ดีขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการลดอาการ “สมองล้า” (brain fog) และช่วยฟื้นฟูความจำ ชี้ให้เห็นแนวทางใหม่ในการดูแลสมอง
ดร.จาง อธิบายว่า อาการสมองมึน ความจำถดถอยที่คนจำนวนมากเผชิญ อาจเกิดจากการสะสมของของเสียในสมอง เช่น เบต้าอะไมลอยด์ และโปรตีนเทา ซึ่งหากมากเกินไป อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคอัลไซเมอร์หรือโรคทางสมองอื่น ๆ และเมื่ออายุมากขึ้น ระบบ “ระบายน้ำเสีย” ของสมองก็เริ่มเสื่อม ทำให้คิดช้า สมองไม่ปลอดโปร่งเหมือนเดิม
จากงานวิจัยนานาชาติที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature พบว่า น้ำหล่อสมองไขสันหลังสามารถระบายออกทางท่อน้ำเหลืองตื้นบริเวณใบหน้าและลำคอได้
ทีมวิจัยใช้สารเรืองแสงติดตามเส้นทางการไหลของน้ำหล่อสมอง และพบว่าของเหลวนี้จะไหลจากฐานสมองผ่านเบ้าตา โพรงจมูก เพดานแข็ง และระบายออกทางต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอ
เพียงนวดเบา ๆ บริเวณ "แก้ม" และ "ลำคอ" วันละ 5 นาที ก็ช่วยเพิ่มการระบายของเสียได้เป็น 2 เท่า หากนวดต่อเนื่อง 20 นาที ยิ่งได้ผลชัดเจนขึ้น วิธีนี้ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องฉีดยา ปลอดภัย และทำได้ง่าย เหมาะสำหรับดูแลสมองในชีวิตประจำวัน
การทดลองนี้ยังประสบความสำเร็จในหนูแก่ แสดงให้เห็นว่าแม้อายุจะมากถึง 80 หรือ 90 ปี หากมีการสัมผัสใบหน้าเบา ๆ เป็นประจำ ก็สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำหล่อสมองไขสันหลัง และช่วย “ล้างของเสีย” ออกจากสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.จาง เจียหมิง ระบุว่า ผลการวิจัยนี้พลิกแนวคิดเดิม ๆ เพราะพิสูจน์ได้ว่า กลไกการทำความสะอาดตัวเองของสมองยังสามารถปลุกให้กลับมาทำงานได้ แม้ในวัยสูงอายุ ก็ยังมีโอกาสฟื้นฟูความจำและสมาธิได้ ไม่ใช่เรื่องที่แก้ไม่ได้
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องน่าสนใจอีกว่า เส้นทางการขจัดของเสียเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเพดานปากโดยตรง ทำให้การพูด การกลืน หรือการเคี้ยว ซึ่งดูเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน กลับกลายเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำหล่อสมองได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ดร.จาง แนะนำว่า การเคี้ยวอาหารให้ละเอียด พูดคุยให้บ่อย หรือแม้แต่ใช้เวลาเพิ่มอีกแค่ 10 วินาทีระหว่างล้างหน้าเพื่อมือนวดเบา ๆ บนใบหน้า ก็เป็นวิธีดูแลสมองที่เรียบง่าย แต่ให้ผลดีเกินคาด
ดร.จาง เจียหมิง กล่าวว่า งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า การดูแลสมองให้แข็งแรง ไม่จำเป็นต้องพึ่งการรักษาที่รุกรานเสมอไป แต่ “พลังแห่งความอ่อนโยน” กลับอาจส่งผลลึกซึ้งยิ่งกว่า
เขาสรุปว่า เพียงเราเรียนรู้วิธีปลุกกลไกตามธรรมชาติของร่างกาย และเริ่มจากการเคลื่อนไหวง่าย ๆ ก็สามารถช่วยให้สมองกลับมาสดชื่นและแจ่มชัดได้
การดูแลตัวเองวันละเล็กละน้อย อาจเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความจำและสมาธิให้อยู่กับเราไปได้นาน ๆ
