สั่งนายกฯอิ๊งค์ หยุดปฏิบัติหน้าที่
GH News July 02, 2025 08:04 AM

อิ๊งค์ไม่รอด! ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ 9-0 รับพิจารณาถอดถอนพ้นตำแหน่งนายกฯ พร้อมมีมติ 7 ต่อ 2 สั่ง หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ เซ่นปมคลิปเสียงคุย สมเด็จฮุนเซน พร้อมสั่งชี้แจงภายใน 15 วัน ด้าน นายกฯ แถลงน้อมรับคำสั่งศาล ย้ำตั้งใจเกิน100 ทำเพื่อประเทศ พร้อมขอโทษประชาชน วิธีการอาจไม่ถูกใจใครหลายคน เปรยกลางวงประชุมครม. "ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น งานต้องเดินหน้า" ส่วนทักษิณ ขึ้นศาล ดอดขึ้นลิฟท์ด้านข้างเลี่ยงสื่อ สืบพยานโจทก์นัดแรกคดี ม.112 ศาลสั่งพิจารณาลับห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมฟัง

         เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 1 ก.ค.68 ที่ศาลอาญา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกคดีดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.1860/2566ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ กรณีเมื่อปี 2558 นายทักษิณ จำเลย ได้ให้สัมภาษณ์สื่อทีวีต่างประเทศประเทศเกาหลีใต้พาดพิง ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โดยจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
       
  นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้เป็นการนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ของอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 ที่เป็นโจทก์ฟ้องนายทักษิณในข้อหาความผิดมาตรา 112 โดยวันนี้ทางโจทก์จะนำพยานประมาณ 3 ปากที่เสนอชื่อไว้ จากทั้งหมด 10 ปาก โดยใช้เวลาสืบพยาน 3 วัน ตนในฐานะทนายฝ่ายจำเลยก็จะมีหน้าที่ถามค้าน
      
   ต่อมา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ น้องเขยของนายทักษิณ ได้เดินทางมาถึงศาล พร้อมกล่าว ว่า วันนี้เดินทางมาให้กำลังใจนายทักษิณ ในฐานะประชาชนคนหนึ่งเท่านั้น 
     
    ต่อมาเวลา 09.18 น. นายทักษิณ ได้เดินทางมาถึงศาลด้วยรถยนต์เบนซ์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ธษ 267 กรุงเทพมหานคร โดยนายทักษิณ ไม่ได้ขึ้นบันไดศาลด้านหน้า แต่ได้ขึ้นลิฟท์ด้านข้างศาลแทน เพื่อหลบหลีกบรรดาสื่อมวลชน และช่างภาพที่รอรายงานข่าวจำนวนมาก โดยศาลจะพิจารณาคดีลับ ห้ามมิให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนเข้าห้องพิจารณา
        
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันเดียวกันนี้ ได้เริ่มประชุมเร็วกว่าปกติ 1 ชั่วโมง ซึ่งเริ่มประชุมตั้งแต่ 09.00 น. จากเดิม 10.00 น.  โดยมีการดึงวาระพิจารณาบางเรื่องออก เช่น วาระเสนอแต่งตั้งรองนายกฯ เพื่อรักษาราชการแทนนายกฯ ในกรณีที่นายกฯไม่อาจปฏิบัติราชการได้ กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา
        
 นอกจากนี้ ระหว่างการประชุม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์  รมช.กลาโหม ได้หารือเกี่ยวกับอำนาจ รมช.กลาโหม ที่ต้องรักษาการ รมว.กลาโหม กับนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งนายปกรณ์ อธิบายว่า รักษาการ รมว.กลาโหมมีอำนาจเต็มเหมือนกับ รมว.กลาโหม 
       
  ขณะที่ในช่วงท้ายการประชุม นายกฯได้พูดกับรัฐมนตรีในทำนองว่า ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ว่าอย่างไร หากท่านใดมีอะไรจะปรึกษาตนเพิ่มเติม สามารถนัดกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ เพื่อมาปรึกษากับตนได้ เพราะงานต้องเดินไปข้างหน้า ไม่อยากให้ต้องติดขัด แต่คิดว่า โดยรวมน่าจะไม่มีปัญหาอะไร
       
  ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 เสียงรับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา 36 คน ขอให้พิจารณา วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฯ ฮุนเซน เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
     
    โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้ว เห็นว่ากรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7 ( 8 ) จึงรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัยและให้นางสาวแพทองธาร ผู้ถูกร้องยื่นคำร้องชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง
    
     ส่วนคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง ศาลพิจารณาคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้อง จึงมีมติ 7ต่อ2ให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 1ก.ค.68 จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย
       
  ทั้งนี้ ตุลาการเสียงข้างน้อยจำนวน 2 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ และ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม เห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องยังไม่ยุติชัดเจนให้ปรากฏเหตุอันควรสงสัย ว่านางสาวแพทองธาร ผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคสอง แต่เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง ให้ใช้มาตรการหรือวิธีการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัยตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 71 ห้ามมิให้นางสาวแพทองธารผู้ถูกร้องใช้หน้าที่และอำนาจด้านความมั่นคงด้านการต่างประเทศและด้านการคลังจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
       
         ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. น.ส.แพทองธาร แถลงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า สวัสดีทุกท่าน ผลคำวินิจฉัยออกมาแล้ว ตนน้อมรับคำพิจารณาของศาล ต่อจากนี้จะหยุดปฏิบัติหน้าที่ มีระยะเวลาประมาณ 15 วันที่จะชี้แจง ตนจะทำอย่างเต็มที่ในการจะบอกความตั้งใจที่แท้จริงว่า คลิปเสียงที่หลุดออกมาว่ามีความตั้งใจเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ตนตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ รักษาอธิปไตยของเรา รักษาชีวิตทหารทุกคน ตนมั่นใจในสิ่งนี้มากๆ แต่วิธีการที่ทำ อาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจใครหลายๆคน แต่ตนจะพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้ว่ามันเป็นความตั้งใจ ความพยายามเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ที่จะทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ เจตนาไม่อยากได้อะไรเป็นของตัวเอง เลย คิดอย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ทำอย่างไรไม่ต้องสู้รบ ทหารไม่เสียเลือดเนื้อ
      
   ตนคงรับไม่ได้ ถ้าพูดอะไรกับผู้นำหรือทำให้เกิดผลเสีย หรือเกิดการทะเลาะหรือโกรธเคือง ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร นี่คือสิ่งที่ตั้งใจ และจะใช้เวลาที่จะชี้แจงได้ ชี้แจงอย่างครบถ้วน ขอบคุณทุกท่านที่ส่งกำลังใจ ตั้งแต่เมื่อคืน คนส่งกำลังใจมาอย่างไม่ขาดสาย ขอโทษคนไทยที่รู้สึกไม่สบายใจหรือรู้สึกโกรธเคือง ขอยืนยันว่าตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ ต้องขอโทษในวิธีการที่ไม่ถูกใจใครหลายคน ช่วงที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ยังทำเพื่อประเทศชาติได้ต่อไปในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ยินดี และยังมีแรงกายแรงใจเต็มครบ 100 เปอร์เซ็นต์ทำงานต่อ ไม่ว่าจะอยู๋ในฐานะไหนก็ตาม ยังเป็นคนไทยคนหนึ่ง ก็ยังเหมือนเดิม พร้อมทำทุกอย่างเพื่อประเทศชาติเต็มที่ ทุกนาที
    

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.