เมื่อวันที่ 2 ก.ค.68 เพจเฟซบุ๊ก "พรรคไทยสร้างไทย" โพสต์ข้อความระบุว่า "ชวลิต ทสท." เสนอในที่ประชุมเชิงปฏิบัติการของ ป.ป.ช. กำจัด "งูเห่า" ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง
สร้างบรรทัดฐานใหม่ทางการเมือง / เชื้อเชิญทุกพรรคประกาศ "เจตจำนงทางการเมือง" ต่อต้านการทุจริต
ร่วมกันสร้าง "การเมืองสุจริต" และความเชื่อมั่นประเทศ
.
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ได้กล่าวในการประชุมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ "แนวทางต่อต้านการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาลสำหรับนักการเมืองไทย"
จัดโดยสำนักงาน ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา
.
ต้องขอชื่นชมสำนักงาน ป.ป.ช. ที่จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าว
เชิญผู้แทนพรรคการเมืองและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดยแบ่งการประชุมออกเป็น 2 ภาค ดังนี้
.
ภาคเช้า เป็นการถอดบทเรียนการต่อต้านการทุจริตในต่างประเทศ
โดยเชิญวิทยากรจากประเทศในเอเชีย ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย
และมีผู้แทนจาก World Justice Project (WJP) มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์
.
ภาคบ่าย เป็นการรับฟังความคิดเห็นจากนักการเมืองไทย
ต่อแนวทางการต่อต้านการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล
.
นายชวลิตฯ กล่าวว่า ได้เสนอความเห็นโดยยกเหตุการณ์ที่สร้างทั้งความตระหนกและตระหนักร่วมกันว่า
ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
คือกรณี "ตึก สตง. ถล่ม" จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมา มีคนงานเสียชีวิตจำนวนมาก
โดยตึกดังกล่าวเป็นแห่งเดียวในประเทศไทยที่ถล่ม
.
แสดงให้เห็นว่ามีการทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
และเกิดขึ้นกับหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตเสียเอง
สะท้อนว่าการทุจริตแทรกซึมในทุกอณูของระบบราชการและองค์กรตรวจสอบ
.
นายชวลิตฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การทุจริตไม่ใช่มีแค่ในงบประมาณแผ่นดิน
แต่ปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้ไขคือ "การทุจริตทางการเมือง" โดยเฉพาะ "การทุจริตเลือกตั้ง"
.
ยกตัวอย่างการเลือกตั้งซ่อมในภาคใต้ ที่สื่อหลายสำนักรายงานว่ามีการซื้อเสียงจำนวนมาก
แต่ กกต. กลับไม่สามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้
.
เมื่อลงทุนไปมาก ก็ต้องเข้ามาถอนทุน สะสมทุน
เพื่อใช้ในเลือกตั้งครั้งถัดไป
.
จึงทำให้การเมืองวนอยู่ในวัฏจักรเดิม
และไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศหรือความเดือดร้อนของประชาชนได้จริง
หากไม่เริ่มต้นจากการแก้ปัญหาทุจริตเลือกตั้ง
.
หากยังปล่อยให้การทุจริตเป็นระบบ งบประมาณเพื่อประชาชนก็จะไม่คุ้มค่า
และความเสียหายจะมหาศาล
.
นายชวลิตฯ ยกคำพังเพยว่า "หัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก"
เปรียบเปรยว่า ถ้าผู้ใหญ่ไม่ทุจริต ผู้น้อยก็ไม่กล้า
ถ้าผู้นำฝ่ายบริหารเอาจริงเรื่องต้านโกง จะส่งผลถึงข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และท้องถิ่น
.
ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร
มีหน้าที่ใช้งบประมาณจากภาษีประชาชนในการบริหารประเทศ
จึงควรต้องแสดง "เจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริตอย่างจริงจัง"
เพื่อส่งสัญญาณชัดเจนไปยังทุกภาคส่วน
.
การแสดงจุดยืนควรเริ่มตั้งแต่ช่วงหาเสียง ไปจนถึงการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ควบคู่กับการลงโทษผู้ทุจริตอย่างเหมาะสม เพื่อให้เข็ดหลาบและไม่เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ
.
ดังเช่นที่วิทยากรจากประเทศจีนยกตัวอย่างกรณีของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง
ที่มุ่งมั่นปราบโกงอย่างเป็นรูปธรรม จนสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนและนักลงทุน
.
เมื่อผู้นำมีเจตจำนงทางการเมืองอย่างจริงจัง
นโยบายต่อต้านการทุจริตย่อมสัมฤทธิ์ผล
.
ประเด็นสำคัญเพิ่มเติม
นายชวลิตฯ เสนอต่อที่ประชุมว่า ป.ป.ช. ควรมีบทบาทในการสร้างบรรทัดฐานทางการเมือง
ด้วยการ "กำจัดงูเห่า" ที่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
.
การไม่ซื่อสัตย์ต่อพรรคและประชาชน ถือเป็นความไม่ซื่อสัตย์ที่ประจักษ์
แม้การลงมติในสภาจะเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.
แต่การไม่เข้าร่วมกิจกรรมของพรรค เช่น ประชุมประจำเดือน ประชุมใหญ่ สัมมนา ฯลฯ
ถือเป็นการปฏิบัติตนเป็นปฏิปักษ์ต่อพรรค
.
ส.ส. ที่ไม่ร่วมกิจกรรมใด ๆ กับพรรคโดยไม่มีเหตุผลอันควร
ถือว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อพรรคและประชาชนที่เลือกเข้ามา
.
จึงควรให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามกระบวนการ
เพื่อให้มีการกำจัด "งูเห่า" ออกจากสภา
ในข้อหาขัดหรือฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
.
เพื่อให้สภาเป็นที่รวมของผู้แทนที่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ต่อประชาชน ต่อพรรค และต่อประเทศชาติ
.
ทั้งนี้ พรรคไทยสร้างไทยจะประสานงานกับ ป.ป.ช. อย่างใกล้ชิด
เพื่อส่งเอกสารและข้อมูลประกอบการพิจารณาเพิ่มเติมต่อไป
#ไทยสร้างไทย #สร้างการเมืองสุจริต #แพทองธารชินวัตร #ปปช #รัฐบาลงูเห่า