ในช่วงเปลี่ยนผ่านกลางปี 2568 KKP Research ภายใต้กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ได้ประกาศปรับลดประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของไทยลงอีกครั้ง โดยลดตัวเลขปี 2025 เหลือ 1.6% (จากเดิม 1.7%) และปี 2026 เหลือเพียง 1.5% (จากเดิม 2.0%) พร้อมเตือนว่าเศรษฐกิจไทยอาจกำลังเดินหน้าเข้าสู่ “Technical Recession” หรือภาวะถดถอยทางเทคนิค
แม้เศรษฐกิจโลกจะเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวจากการผ่อนคลายของสงครามการค้า แต่ปัจจัยเฉพาะตัวของไทยกลับกำลังสร้างแรงกดดันในทุกด้านจากนักท่องเที่ยวจีนที่หดตัว ภาคการผลิตที่ไร้แรงขับเคลื่อน การบริโภคในประเทศที่อ่อนแอลง ไปจนถึงปัจจัยเสี่ยงระดับมหภาคทั้งการเมืองภายในและภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ
เศรษฐกิจไทยกำลัง “หมดแรงส่ง”
KKP Research วิเคราะห์ว่ากลไกหลักที่เคยพยุงเศรษฐกิจไทยในช่วงก่อนหน้านี้ กำลัง “ทยอยหมดอายุ” ไม่ว่าจะเป็นแรงส่งจากการส่งออก การท่องเที่ยว หรือการลงทุนภาครัฐ ซึ่งต่างอ่อนแรงลงพร้อมกันในช่วงครึ่งหลังของปี
1.แรงส่งจากการท่องเที่ยวจีนหดตัวอย่างน่ากังวล นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวช้า เหลือเพียง 30-40% จากระดับก่อนโควิด เนื่องจากกังวลด้านความปลอดภัยจากกรณีลักพาตัว และไทยเผชิญคู่แข่งอย่างเวียดนาม ญี่ปุ่นอีกทั้งค่าเงินบาทแข็งเมื่อเทียบกับหยวน ทำให้ “เที่ยวไทยแพง” KKP คาดนักท่องเที่ยวทั้งปี 2025 อยู่ที่ 33.6 ล้านคน ต่ำกว่าปีก่อน
2.ภาคการผลิตไม่ตอบรับกับการส่งออก แม้การส่งออกช่วงต้นปีขยายตัวสูงก่อนสหรัฐขึ้นภาษีสินค้าไทยแต่เป็นการใช้ “สินค้าคงคลัง” มากกว่าการผลิตใหม่ ภาคอุตสาหกรรมไม่ได้รับอานิสงส์จริง คาดเริ่มชะลอตัวในครึ่งหลังของปี
3.การบริโภคในประเทศชะลอตัวตามสินเชื่อ โดยสินเชื่อหดตัวต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่ม SME และครัวเรือนภาระหนี้สูง หนี้เสียเพิ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มเช่าซื้อและอสังหาฯ สะท้อนความอ่อนแอของกำลังซื้อในระดับฐานราก
ปัจจัยเสี่ยง 3 ประการ ที่อาจฉุดเศรษฐกิจถลำลึก
KKP Research ยังเน้นย้ำว่า ความไม่แน่นอนสูงขึ้นในระยะสั้น โดยเฉพาะจาก 3 ปัจจัยเสี่ยงหลักที่พร้อมกระทบเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ได้แก่:
1.การเมืองภายใน: งบประมาณสะดุด – เสียงในสภาสั่นคลอน หลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัว รัฐบาลแพทองธารกลายเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ เสี่ยงสูงที่ ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณปี 2569 จะล่าช้าหรือผ่านไม่ทัน หากงบประมาณล่าช้า อาจฉุด GDP ลงได้ถึง 0.3-0.5 จุดเปอร์เซ็นต์ต่อปี หนี้สาธารณะใกล้ชนเพดาน 70% ของ GDP ขณะที่ขาดดุลการคลังยังสูง
2.สงครามการค้ากับสหรัฐฯ: ภาษี 36% อาจหวนกลับ ไทยเคยถูกเรียกเก็บภาษี 36% จากสหรัฐ ก่อนลดเหลือ 10% ชั่วคราว ซึ่งการเจรจาทางการค้าไทย-สหรัฐยังไม่มีความคืบหน้าแน่นอน หากกลับไปสู่ระดับภาษีเดิม GDP อาจหดลงถึง 0.8 จุดเปอร์เซ็นต์
3.ราคาน้ำมันพุ่ง จากวิกฤตอิหร่าน-อิสราเอล ไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิ และขาดดุลการค้าพลังงานถึง 8% ของ GDP หากราคาน้ำมันขึ้น 10% ดุลบัญชีเดินสะพัดจะหด 0.5% ของ GDP ภาวะ “Stagflation” อาจเกิดขึ้น: เงินเฟ้อสูงแต่เศรษฐกิจโตต่ำ
การเงินต้องเข้ามารับไม้ต่อ
KKP Research ชี้ว่า ในภาวะที่การคลังติดขัดจากเพดานหนี้และการเมืองเปราะบาง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจต้องปรับบทบาทเป็นผู้นำเสถียรภาพเศรษฐกิจ
โดยคาด ว่าธปท. จะปรับลดดอกเบี้ยอีก 0.75% ใน 12 เดือนข้างหน้า ดอกเบี้ยนโยบายอาจลดลงเหลือ 1.0% ภายในไตรมาส 1 ของปี 2026 และจำเป็นต้อง “ปลดล็อก” ข้อจำกัดการส่งผ่านนโยบายการเงิน คลายปมช่องทางสินเชื่อของธนาคารยังติดขัด โดยเฉพาะกับกลุ่มเปราะบาง
โจทย์ระยะสั้น: เสถียรภาพ-ความเชื่อมั่น-การบริโภค
จากภาพรวมทั้งหมด เศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังของปี 2568 อยู่บนทางแยกสำคัญระหว่าง การฟื้นตัวแบบเปราะบาง หรือ การถดถอยเชิงเทคนิค (Technical Recession) หากการเติบโตติดลบสองไตรมาสติดต่อกัน
สิ่งที่ควรจับตา ประกอบด้วย
-การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนจะ “รีบาวด์” หรือ “ร่วงต่อ”?
-งบประมาณปี 69 จะผ่านสภาทันหรือไม่?
-ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะนิ่งหรือพุ่งไม่หยุด?
-การเจรจาภาษีไทย-สหรัฐฯ จะมีบทสรุปเชิงบวกหรือไม่?
-ภาคการเงินจะแก้ปัญหาการปล่อยกู้ชะงักได้แค่ไหน?
ไทยในเงาสงคราม ภัยการเมือง และเพดานหนี้
KKP Research ไม่เพียงแต่ปรับลดคาดการณ์ GDP เท่านั้น แต่ยังเตือนว่าไทยกำลังอยู่ในภาวะ “เศรษฐกิจหมดแรง-นโยบายไร้เครื่องมือ” อย่างชัดเจน
แม้นโยบายการเงินจะพอมีพื้นที่ แต่หากการเมืองยังสั่นคลอน งบประมาณยังล่าช้า การบริโภคยังไม่ฟื้น และราคาน้ำมันยังคงเป็นปัจจัยลบ ไทยอาจหลุดเข้า “กับดักถดถอยเชิงเทคนิค” และต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้น
สิ่งที่ต้องการเร่งด่วนคือ ความชัดเจนทางการเมือง การเจรจาระหว่างประเทศที่มีทิศทาง และกลไกสนับสนุนผู้ประกอบการ-ครัวเรือนอย่างตรงจุด
เพราะเมื่อทั้ง “แรงส่ง” และ “แรงใจ” ของเศรษฐกิจอ่อนแรงพร้อมกัน ประเทศจะเหลือแต่ “แรงเฉื่อย” ซึ่งไม่พอสำหรับการหลุดพ้นจากภาวะถดถอย
#KKPResearch #เศรษฐกิจไทย #GDP2568 #TechnicalRecession #นักท่องเที่ยวจีน #ราคาน้ำมัน #ภาษีสหรัฐ #งบประมาณ2569 #ธปท #ดอกเบี้ย #ข่าวเศรษฐกิจ #วิเคราะห์เศรษฐกิจไทย