‘ริชชี่ อรเณศ’ เปิดใจหลังละครคู่ ‘โตโน่’ เลื่อนฉาย ยันยังไม่หายหน้าไปไหน พร้อมรับงาน
เรียกได้ว่าห่างหายจากงานละครไปพักนึงเลยก็ว่าได้ สำหรับนางเอกสาว ริชชี่ อรเณศ ที่ล่าสุดนางเอกสาวเดินทางมาร่วมงาน “Amazing Thailand Saneh Thai GALA Night” ณ ห้องนภาลัย แกรนด์ บอลรูม ชั้น 1 โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพมหานคร ก็ได้เปิดใจถึงการเปลี่ยนแปลงของวงการบันเทิงไทยในยุคนี้ พร้อมเผยถึงผลงานละครล่าสุด เรื่องกลิ่นมาลี ที่ก่อนหน้านี้ บอย ถกลเกียรติ ได้แถลงเลื่อนวันออนแอร์แบบไม่มีกำหนด หลังจากเกิดดราม่าข่าวฉาวของนักแสดงนำของเรื่อง อย่าง โตโน่ ภาคิน
เร็วๆ นี้จะได้เห็นผลงานของริชชี่ยังไงบ้าง?
“จริงๆ ตอนนี้ก็ยังว่างอยู่ หมายถึงว่าถ้ามีโปรเจกต์อันไหนเข้ามาก็ยังว่างรับอยู่”
อย่างโปรเจกต์ที่เข้ามาส่วนมากจะเป็นแบบไหน เพราะว่าวงการบันเทิงบ้านเราก็เปลี่ยนไปในทุกๆวัน?
“ก็มีหลากหลายมากขึ้นค่ะ เหมือนผลงานที่ผ่านมาก็เหมือนได้ทำอะไรที่คาแรกเตอร์มันใหม่ขึ้นตลอด มีแพลตฟอร์มเยอะขึ้น ก็มีทั้งเป็นหนังผีและมีคอมเมดี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่หนูไม่เคยทำ ก็หลากหลายมากขึ้น เป็นซีรีส์ค่ะ”
อย่างละครกระโดดไปในแพลตฟอร์ม มันต่างกันเยอะไหม?
“จริงๆ ในฐานะนักแสดง หนูว่าไม่ได้ต่าง เพราะเหมือนเราก็มีหน้าที่ไปสร้างคาแรกเตอร์ แล้วทำงานเต็มที่ตรงนั้น อาจจะหนูก็เล่นหนังด้วยก็รู้สึกว่าก็คล้ายกัน”
แล้วความท้าทายในยุคนี้สำหรับการเป็นอาชีพนักแสดง มันเป็นยังไงสำหรับเรา?
“ก็รู้สึกว่าเราก็ได้ชาเลนจ์ตัวเองมากขึ้น เหมือนพยายามที่ไปเล่นคาแรกเตอร์ที่มันอาจจะหลากหลายขึ้นและมีความโกอินเตอร์มากขึ้น ที่เมื่อก่อนหนูเล่นละคร เหมือนเราไม่รู้ว่าเรามีบทที่หลากหลายแบบนี้”
มีติดต่อมาเยอะไหม เกี่ยวกับละครและแพลตฟอร์มต่างๆ?
“จริงๆ ตอนนี้ยังไม่มี (ยิ้ม)”
ในพาร์ตของโกอินเตอร์เป็นยังไบ้าง ที่ริชชี่ไปแคสงาน มันแตกต่างยังไงบ้าง?
“ใช่ค่ะ เรามีไปแคสเยอะ แล้วเราก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจตรงที่สมมุติเราได้บทนั้น มันก็จะเป็นเหมือนคาราแรกเตอร์ที่รู้สึกว่ามันใกล้เคียงเราจริงๆ เมื่อก่อนหนูรู้สึกว่าอาจจะเล่นบทที่ไกลตัวบ้างอะไรบ้างเป็นชาเลนจ์ในลักษณะนึง ตอนนี้ก็เป็นชาเลนจ์ในอีกแบบนึงเลยในเรื่องของการไปแคสงาน และก็ต้องเหมาะกับเราจริงๆ”
มันเปิดโลกเรายังไงบ้าง?
“จริงๆ ตอนละครหนูก็เคยแคสตลอด แต่ว่าอันนี้มันจะเป็นแคสแบบที่เราไม่ได้มีสังกัด แล้วเราก็รู้สึกว่าเขาสนใจเรา แล้วเหมือนบางทีเราก็แค่รู้สึกว่า เอาจริงๆ หนูไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเรียกเราไปแคส ก็เลยรู้สึกว่าดีใจที่เหมือนเรายังมีโอกาสได้ทำตรงนี้อยู่เรื่อยๆ”
เขาบอกว่านักแสดงจะเลือกงานได้ แต่มันก็ต้องยอมรับความเสี่ยงว่าถ้าเขาไม่เลือกเราตรงนี้เรารู้สึกยังไง?
“ก็รู้สึกว่าแค่ได้เข้าไป เขานึกถึงเรา ได้เข้าไปทำก็ดีใจแล้ว ก็ถ้าไม่ได้ เราก็รู้สึกว่ามันก็จะมีคนที่เขาเหมาะสมกับบทนี้จริงๆ แล้วมันก็คงไม่ได้เป็นเรา”
อยากให้เล่าที่เราไปแคสบทที่เราไม่เคยเล่นอย่างโรคจิต หรือว่าตลก หรือว่าผี หรือที่มันรู้สึกเปิดโลกมากกับบทนี้?
“จริงๆ มันเป็นเหมือนทีมโปรดักชั่นที่เราไปแคสแล้วรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นทีมโปรดักชั่นต่างประเทศ แล้วก็เป็นเกี่ยวกับเหมือน CG เยอะๆ แต่ว่าประเด็นมันต้องมีสกิลว่ายน้ำ แล้วหนูก็รู้ว่าหนูว่ายน้ำไม่เป็น แต่เราก็พยายาม แต่หนูก็รู้อยู่แล้วว่าเราอาจจะไม่เหมาะจริงๆ แค่รู้สึกว่าเขาติดต่อก็ดีใจแล้ว”
เมื่อกี้บอกเราเล่นเรื่องผี เล่นตลกด้วย?
“ใช่ค่ะ แต่ว่าออนไปแล้ว น่าจะปีที่แล้ว”
เป็นไงบ้างการเปิดโลกกับผี กับตลก?
“มันก็จะเหมือนเป็นแนวหักมุมนิดนึง อาจจะเหมือนเราต้องเล่นให้เรารู้สึกตลอด แต่ว่าด้วยทางภาพเขาจะไม่รู้ว่าเราจะทำอะไร บางทีมันก็เลยเหมือนเรารู้สึกว่าเราต้องเหมือนอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ แต่ว่ามันต้องมีเฉลย เพราะว่ามันไม่ได้ชัดมาก มันเป็นแนวหักมุม แต่มันเป็นผี”
บางคนอาจจะเข้าใจผิดว่าหนูไปใช้ชีวิตอยู่ที่เชียงใหม่หรือเปล่า ก็เลยไม่มีงานติดต่อ?
“ก็หนูใช้ชีวิตอยู่เชียงใหม่จริงๆ ก็คือจริงๆส่วนใหญ่หนูก็อยู่เชียงใหม่เป็นหลัก แล้วถ้ามีงานก็จะเดินทางมา”
หนูคิดว่าเรื่องที่แต่ละช่องลดเกี่ยวกับเรื่องการทำละคร มันส่งกับผลกระทบต่อชีวิตหนูหรือเปล่าในฐานะนักแสดง?
“ถ้าส่วนตัวหนูคนเดียวเลย หนูรู้สึกว่ามันไม่ได้เยอะมาก เพราะว่าเหมือนหนูอายุเยอะขึ้น แล้วมันเป็นช่วงที่หนูรับแบบเรื่องเดียว แล้วก็นานๆ รับทีอยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่ารู้ว่ามันเหมือนมีผลกระทบ แต่กับตัวเรามันอาจจะไม่ได้รู้สึกว่ามันเครียด”
อย่างเรื่องล่าสุดที่จะต้องเบรกกะทันหันมันมีผลกระทบกับเรายังไงบ้าง?
“จริงๆ หนูในฐานะแสดงก็รู้สึกว่าเหมือนเราก็เข้าไปทำหน้าที่เรา เราก็ไม่ได้สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้นในส่วนอื่น ก็เหมือนหนูก็ทำเต็มที่ในการแสดง ก็เรียบร้อยแล้ว”
รู้สึกนอยด์หรือว่าเสียใจไหม เพราะว่ามันกำลังจะออนแอร์อีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า?
“มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะคอนโทรลได้ แล้วจริงๆ เราก็รู้สึกว่าอาจจะมีผู้ใหญ่ หรือหลายคนที่เขาเหมือนมีผลกระทบ หรือว่าตัดสินใจเรื่องนี้ เราก็รู้สึกว่าเราแค่ให้กำลังใจทีมงาน หรือว่าให้กำลังใจคนที่ทำงานร่วมกับเรา”
จริงๆ วันนั้นพอได้รับทราบข่าวแล้วทางผู้ใหญ่เขาว่ายังไงกันบ้าง?
“จริงๆ หนูไม่ได้มีผู้ใหญ่มาคุยกับหนูส่วนตัว แล้วเราก็แทบจะเห็นจากในสื่อเหมือนกัน เพราะเหมือนว่าเราก็ทำงานไปแบบปกติ มีการโปรโมตแล้วก็ไป แต่ว่าไม่มีใครมาแจ้งหลังจากนั้น”
แล้วละครมันจะกลับมาเมื่อไหร่มีอัพเดตกันบ้างไหม?
“จริงๆ หนูไม่รู้เลยค่ะ เพราะว่าตอนแรกก็เหมือนแฟนคลับก็ถามด้วยว่าออนเมื่อไหร่ หนูก็บอกว่าจริงๆ น่าจะรู้พร้อมกัน เพราะว่าเหมือนเรา ก็ทำพาร์ตของเราจบไปแล้ว มันก็เหมือนเขาก็มีพีอาร์ดูแลต่อ”
สำหรับริชชี่ พอแฟนๆ มาถาม มีคำตอบให้เขาว่ายังไงบ้าง?
“หนูก็บอกว่าถ้ารู้แล้วบอกหนูด้วย”
ก็คืออยากให้ออนเหมือนกันใช่ไหม ถ้าเกิด ทุกอย่างลงตัว ผู้ใหญ่โอเค?
“จริงๆ พี่เขาก็ถามแหละ เขาก็บอกว่ามีผลงานอะไรต่อไหม หนูก็บอกว่าอาจจะต้องรอโปรเจกต์ เดี๋ยวถ้าหนูมีงานอื่นๆ เข้ามาจะมาอัพเดตนะคะ”
ริชชี่รู้สึกยังไงบ้างนานๆ ทีเราจะมีผลงาน กำลังจะเกิดแต่ดันโดนคุมกำเนิดซะก่อน?
“จริงๆ ก็รู้สึกว่ามันก็เป็นเรื่องที่หนูไม่อยากให้เกิดขึ้นกับเรา”
เนื้อหาละครเป็นไงบ้างพอเราได้ถ่ายทำจบแล้ว?
“เรื่องกลิ่นมาลี คือนางเอกชื่อเหมือนแม่มาลี ซึ่งหนูก็รับบทเป็นมาลี แล้วก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงที่เขามีการทำเครื่องหอม แล้วก็มีกลิ่นที่เฉพาะตัว แล้วก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความดราม่าที่คุณแม่เหมือนถูกใส่ร้าย แล้ววันหนึ่งเราก็ต้องพยายามหาความจริงให้ได้เพื่อที่จะกอบกู้ศักดิ์ศรีของคุณแม่ แล้วก็มีเรื่องของผู้หญิงที่เป็นสาวงามเมือง เป็นหญิงงามเมืองในยุคนั้น ก็จะเหมือนเราอยากเรียกร้องสิทธิให้เขา แล้วเราก็เข้าใจเขา แล้วก็อยากจะช่วยเหลือคนอื่น”
ในเรื่องพระเอกต้องรักนางเอกมาก?
“ใช่ค่ะ จริงๆ พระเอกเป็นคนช่วยเหลือนางเอกตั้งแต่ในวัยเด็ก ที่เขาเหมือนเจอ เรื่องคุณแม่เขาที่ถูกใส่ร้าย แล้วพระเอกก็ไปช่วยเอาไว้ มันก็เลยกลายเป็นเรื่องราวที่เขาจะต้องสืบสวนเรื่องนี้เหมือนกัน แล้วเราก็พยายามสู้ด้วยตัวเองเหมือนกัน ก็เลยเป็นเส้นเรื่องที่คิดว่ามันจะออกแนวเหมือน สืบสวนสอบสวนนิดนึง แล้วก็มีความรักด้วย”
“จริงๆ บทมันสนุกมาก แล้วก็หลากหลายแบบหลายมุม แต่สิ่งหนึ่งที่หนูรู้สึกว่ามันสวยมาก แล้วก็งานวันนี้ด้วย คือหนูจะบอกว่าฉาก แล้วก็ทุกอย่างความเป็นไทยที่พี่ใหม่ (ภวัต) เขาใส่ทุกอย่าง มันสวยงามมากจริงๆ ก็รู้สึกว่าถ้ามีโอกาสได้ดูก็คิดว่าทุกคนน่าจะชอบเรื่องความสวยงามของความเป็นไทย”
อยากให้แฟนๆ เปิดใจไหม ไม่ต้องไปโฟกัสอย่างเดียว เพราะตอนแรกคาแรกเตอร์พระเอกต้องรักนางเอกมาก?
“หนูก็เข้าใจในมุมที่มันเกิดขึ้น จริงๆ ถ้ามันมีโอกาสที่เหมาะสม ที่ผู้ใหญ่เขาจะตัดสินใจยังไง ก็รู้สึกว่าเราก็เข้าใจและเราก็ทำดีที่สุดแล้วในด้านของเรา ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ทุกคนได้ดู”
พี่ก็อต (อิทธิพัทธ์) เขาให้กำลังใจยังไงบ้าง?
“เขาก็รู้ว่าหนูทำเต็มที่แล้ว แล้วเราก็พยายาม ตอนนี้เราก็เหมือนไปพักผ่อน ไปทำกิจกรรม เหมือนไปเดินป่า เหมือนก็แค่ใช้ชีวิตให้มีความสุขทุกวัน”
เหมือนก็อตก็หายไปเหมือนกันพร้อมกับริชชี่เลย สเตตัสก็คือว่างงานเหมือนกันใช่ไหม?
“ใช่ค่ะ อย่างช่วงนี้เหมือนเราไปพักผ่อนแล้วก็เหมือนอยากรีแลกซ์หลายอย่างด้วย รู้สึกว่าเราไปใช้ชีวิตที่เหมือนทำให้เราฟื้นฟูร่างกายจากความเครียดหรืออะไร ตอนนี้ก็อยากลองใช้ชีวิตแบบนี้ดูสักพักนึงก่อน”
ถ้าเกิดมีงานติดต่อมาก็ยินดีรับ?
“ยินดีรับค่ะ”
แล้วตอนนี้ความเครียดที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับเรื่องอะไรบ้าง?
“หนูรู้สึกว่าหนูอาจจะเป็นคนเชียงใหม่ด้วย หนูรู้สึกว่าอยู่กับความรถติด หรือฝุ่นเยอะ หรืออะไรอย่างนี้ ก็เลยรู้สึกว่ากลับบ้านแล้วก็ได้อยู่กับคุณแม่ ได้อยู่กับธรรมชาติ ก็รู้สึกว่ามันรีแลกซ์
แต่หนูยืนยันได้ว่าคู่เราไม่ได้หายหน้าไปไหน ก็ยังรับงานอยู่?
“ใช่ค่ะ หนูกับพี่ก็อตก็ยังรับงานอยู่ ก็ถ้าใครสนใจ หรือว่านึกถึงพวกหนูก็ยินดีค่ะ”