เกษตรกรบุรีรัมย์ขอรัฐบาลใหม่อย่านำเข้ามันสำปะหลังจากกัมพูชา เพราะทำราคาตกต่ำ
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งห้ามนำเข้ามันสำปะหลังทางประเทศกัมพูชามายังประเทศไทยอย่างเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในประเทศไทย โดยเฉพาะในเขตภาคอีสาน ต่างรู้สึกดีใจ เพราะในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่รัฐบาลแพทองธาร เข้ามาบริหารประเทศราคามันสำปะหลังจากราคา กก.ละ 3.50 บาทหรือตันละ 3,500 บาทในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตกลงมาเป็นราคา กก.ละ 1.20 บาท หรือตันละ 1,200 บาทเท่านั้น จนมีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะเจ้าของโรงแป้งมันหลายโรงในเขตภาคอีสานซึ่งเป็นของของตระกูลดัง เป็นเครือญาติของรัฐมนตรีชุดนี้ จึงมีการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้านกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคามันสำปะหลังในประเทศตกต่ำจนทำให้เกษตรกรเดือดร้อน
นายสมพร ฉิมพลี อายุ 58 ปี เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง กล่าวว่า ตนเช่าที่ปลูกไร่มัน 19 ไร่ ก่อนหน้านั้นตอนรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้มันมีกำไร เพราะราคาสูงถึงตันละ 3,500 บาท แต่ตอนนี้เหลือแค่ตันละ 1,200 บาท หรือต่ำกว่าเกินครึ่ง ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนทำให้ขาดทุน ส่วนสาเหตุที่ต้องปลูกมันอีกเพราะทำอาชีพนี้มานานกว่า 20 ปี การปลูกรอบนี้ก็คอยลุ้นว่ามันจะขึ้นราคาหรือไม่ หากราคาสูงก็โชคดีไป แต่หากราคาร่วงก็ได้แต่บ่นให้กับตัวเองซึ่งเป็นวิถีชีวิตของเกษตรกรอยู่แล้ว จึงอยากจะให้รัฐบาลชุดไหนก็ตามที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ให้ยังคงไว้เหมือนเดิมคือการห้ามนำเข้ามันสำปะหลัง จนกว่าผลผลิตในประเทศขาดแคลน
ด้านนายชาติชาย ศรีสะนอก เกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีพื้นที่ปลูกประมาณ 330,000 ไร่ ในแต่ละปีจะมีผลผลิตออกประมาณ 1.2 ล้านตัน ที่ผ่านมาราคามันสำปะหลัง จะปรับขึ้นลงไปตามกลไกของตลาด เหมือนผลผลิตทางการเกษตรทั่วไป ยอมรับว่าราคามันในช่วงที่ผ่านตกต่ำสุดจริง ราคาที่เกษตรกรพออยู่ได้คือ ตันละ 2,500 บาทขึ้นไป แต่ตอนนี้แค่ 1,200 บาทต่อตัน หลังจากมีการห้ามนำเข้าจากต่างประเทศราคาเริ่มตึงในลักษณะจ่อปรับขึ้นแล้ว และหลังจากนี้มีโอกาสที่ราคามันสำปะหลังจะกลับมาอีกคือตันละ 3,500 บาท เพียงแต่รัฐบาลต้องหยุดนำเข้าอย่างเดียว