อย. เปิดเวทีรับฟังความเห็นยกระดับกระบวนการอนุมัติ อนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพให้ยอมรับในระดับสากล เล็งสร้างไทยเป็น HUB ผลิตภัณฑ์สุขภาพนวัตกรรม
นายโฆสิต สุวินิจจิต คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ด้วยนโยบายของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ส่งเสริมเศรษฐกิจสุขภาพของประเทศ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อก้าวสู่ศูนย์กลางด้านการแพทย์และบริการสุขภาพ
โดยการพัฒนาระบบการอนุมัติ อนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพ เป็นหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน ทั้งในมิติการคุ้มครองผู้บริโภค การส่งเสริมการเข้าถึงนวัตกรรมสุขภาพ และการสร้างความเชื่อมั่นแก่ภาคอุตสาหกรรม
อย. เปิดเวทีรับฟังความเห็นยกระดับกระบวนการอนุมัติ อนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพให้ยอมรับในระดับสากล เล็งสร้างไทยเป็น HUB ผลิตภัณฑ์สุขภาพนวัตกรรม
ซึ่งตลอดเวลากว่า 50 ปี สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้พัฒนาระบบการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพให้ทันสมัยและเป็นสากล ให้ความสำคัญกับการให้บริการอนุมัติ อนุญาต อำนวยความสะดวกในการนำเข้า ส่งออกผลิตภัณฑ์สุขภาพ
และเพื่อให้เกิดพลังขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง อย. จึงได้เปิดเวทีรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะปัญหาอุปสรรคเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรอบด้าน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ ผู้บริโภค ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3
โดยผลการรับฟังความคิดเห็น 2 ครั้งที่ผ่านมา อย. ได้พัฒนาระบบ E-Tracking เพื่อติดตามสถานะอนุมัติอนุญาตผลิตภัณฑ์ ซึ่งปัจจุบันเปิดตัวใช้งานแล้ว และยังได้ปรับปรุงกฎระเบียบที่เกินความจำเป็นเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพ รวมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์การโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ
นอกจากนี้ อย. และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ร่วมมือกันเพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการวิจัย พัฒนา และการผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพนวัตกรรม ต่อยอดสู่การผลิตสินค้าสุขภาพและความงามที่มีคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 6.9 แสนล้านบาทในปี 2568 ซึ่งคาดการณ์การผลิตและส่งออกในปี 2568 จะขยายตัวประมาณ 10% ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ด้าน นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวเพิ่มเติมว่า อย. มุ่งมั่นในการพัฒนาระบบกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล พร้อมวางแผนใช้ Big Data และ AI ในการจัดการข้อมูล รวมถึงเตรียมพัฒนาระบบ Track and Trace และฉลากดิจิทัล (Digital Labeling) เพื่อเพิ่มความโปร่งใส เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และก้าวสู่การเป็น Medical Hub อย่างแท้จริง