ย่านที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของวันวานและแรงบันดาลใจใหม่ๆ หนึ่งในนั้นมีย่าน “ทรงวาด” อยู่ด้วย “ทรงวาด”อยู่บนถนนสายเล็กๆ แต่ซ่อนความมีชีวิตชีวาและเรื่องราวของประวัติศาสตร์ไว้อย่างน่าสนใจ โดยย่านทรงวาดอยู่ไม่ไกลจากย่านที่คึกคักอย่างเยาวราชและตลาดสำเพ็ง แต่กลับมีเสน่ห์เฉพาะตัวด้วยความคลาสสิกแต่ร่วมสมัย เต็มไปด้วยมุมถ่ายรูป คาเฟ่ดีไซน์เก๋ ร้านอาหารอาร์ตๆ ไปจนถึงโฮสเทลและอาร์ตเฮ้าส์ที่เติมสีสันให้ถนนสายนี้มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
“ถนนทรงวาด” มีที่มาจากเหตุการณ์ครั้งสำคัญในปี พ.ศ. 2449 เมื่อเกิดเพลิงไหม้ใหญ่ในย่านสำเพ็งอันแออัด พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึง ทรงวาดเส้นของแนวถนนบนแผนที่ให้เลียบไปตามริมแม่น้ำ และทรงโปรดเกล้าฯ ให้ขยับขยายพื้นที่การค้าและชุมชน กลายเป็นถนนสายใหม่ที่มีระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร ที่มีชื่อว่า “ถนนทรงวาด” เป็นพื้นที่ให้กับการค้าและชุมชนใหม่ จนกลายเป็นถนนสายสำคัญของพระนครในยุคนั้น
แม้ความคึกคักในฐานะแหล่งการค้าจะค่อยๆ ซบเซาเงียบเหงาลงตามกาลเวลา แต่ทุกวันนี้ “ย่านทรงวาด” กลับอบอวลไปด้วยความคึกคักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ได้มาสัมผัสเสน่ห์ของอาคารเก่าสุดคลาสสิกจนกลายเป็นฉากถ่ายรูปยอดฮิต คาเฟ่และร้านอาหารที่ออกแบบหลากหลายสไตล์ มีทั้งความน่ารัก ความเท่ และยังคงมีร้านค้าขายปลีกและขายส่งอยู่บ้าง ซึ่งสะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองของย่านแห่งนี้ในอดีต
การเดินทางไปย่านทรงวาดไม่ใช่เรื่องยากเลย ไม่ว่าจะนั่งเรือด่วนเจ้าพระยา หรือนั่งรถเมล์สาย 204 มาลงที่ป้ายท่าน้ำราชวงศ์ หรือจะเลือกนั่ง MRT มาลงที่สถานีวัดมังกร แล้วเดินลัดเลาะผ่านตรอกซอยของเยาวราชมาเพียงนิดเดียวก็ถึงทรงวาด เราเริ่มต้นการเดินเที่ยวที่ฝั่งท่าน้ำราชวงศ์ ช่วงทางเข้าจะพบกับตึกเก่าที่สะดุดตาคือ ตึกแขก เป็นอาคารเก่าอายุเกือบร้อยปีที่ยังคงความงดงามแบบโกธิค ระเบียงไม้สีเขียวฉลุลายแบบขนมปังขิง ตัวตึกมีมุขยื่นออกมา ทำให้ดูโดดเด่นไม่เหมือนอาคารใดในละแวกนั้น
เดินลึกเข้ามาในถนนทรงวาด สองข้างทางเรียงรายด้วยตึกแถวเก่าแก่ที่ยังคงมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นร้านขายเครื่องเทศ สมุนไพร อาหารแห้ง หรือร้านขายส่งภาชนะเคลือบตรากระต่าย ปิ่นโต และถาดลายดอกไม้สีสด ที่แม้จะดูเป็นของใช้ในอดีต แต่ก็กลับมาเป็นที่นิยมในสายวินเทจยุคนี้ด้วย ระหว่างทางก็จะพบกับคาเฟ่ที่ปรับปรุงจากพื้นที่ในอาคารเก่าสไตล์มินิมอลใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย หรือคาเฟ่ที่เปิดอยู่ก่อนแล้ว ก็มีการรีโนเวทร้านให้มีความเก๋สะดุดตาเพิ่มยิ่งขึ้น
เดินเพลินๆ ก็ถึงร้านคาเฟ่น้องใหม่ชื่อ TAY Songwat ชื่อนี้มาจากคำว่าเท่น้ำ เท่ท่า คำที่พ่อค้าแม่ข้ายคุ้นเคยดี ว่า ขายดี เป็นเท่น้ำ เท่ท่า เนื่องจากคนไทยสมัยก่อนมีการค้าขายทางเรือ เช่นเดียวกับบริบทของย่านทรงวาดในอดีต ภายในร้านตกแต่งเรียบง่ายสบายตา ตัวอาคารมีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นล่างเป็นคาเฟ่ที่มีเมนูน่าลองหลายรายการ อย่าง มัทฉะที่นำเข้าจากเมืองอูจิ ประเทศญี่ปุ่น ไม่ใส่ไซรัปทำให้ได้รสหวานธรรมชาติ หอมละมุนไม่ขมเกินไป หรือจะลองเค้กมะตูมสูตรชาววัง หวานนุ่มกำลังดี
ขึ้นไปชั้นสองและสาม จะพบกับพื้นที่นิทรรศการซึ่งช่วงนี้จัดแสดงงานชุด RE>BIRTH โดยธีรศักดิ์ ธนพัฒนากุล ศิลปินผู้ก่อตั้งเบิกบานบุรี ที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากภาพไฟไหม้ป่าบนภูเขา ที่แม้จะถูกเผาทำลาย แต่กลับฟื้นกลับมาได้อีกครั้งด้วยพลังของความรัก
สองข้างทางในย่านทรงวาด เรียงรายไปด้วยตึกเก่าสไตล์ยุโรป สีของผนังบางจุดเริ่มลอกล่อน สลับกับบานหน้าต่างไม้เก่าที่ผุพัง แต่กลับดูมีเสน่ห์เฉพาะตัวแบบที่หาไม่ได้จากเมืองใหม่ ความคลาสสิกเหล่านี้ดึงดูดสายตาจนทำให้เราเดินชมได้เพลินๆ แบบไม่รู้สึกเบื่อเลย ไม่นานก็เดินมาถึงศาลเจ้าเล่าปุนเถ้ากง ศูนย์รวมจิตใจของชาวจีนและคนไทยเชื้อสายจีนในย่านนี้ ศาลเจ้าหลังปัจจุบันสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2460 โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบแต้จิ๋ว ที่เรียกว่า “ซี่เตี้ยมกิม” หรือ “สี่ตำแหน่งทอง” ตัวอาคารแบ่งออกเป็นสี่ห้องตามแบบฉบับดั้งเดิม ด้านในประดิษฐานองค์เทพต่างๆ ตามความเชื่อของชาวจีน ผู้คนที่แวะมาสักการะก็จะขอพรให้กิจการค้าขายราบรื่น และชีวิตครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข
ในซอยเล็กๆ ที่ตอนแรกดูเผินๆ ก็เหมือนซอยธรรมดาที่ตกแต่งด้วยสตรีทอาร์ตของของคาเฟ่ มีชื่อว่า ซอยซุ้มประตูไม้ เป็นจุดเช็คอินใหม่ในย่านทรงวาดสุดชิคที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซอยนี้เคยเป็นเพียงทางผ่านมีตึกพาณิชย์และโกดังสินค้าเก่าๆ แต่หลังจากได้รับการรีโนเวทใหม่ ก็กลายเป็นพื้นที่ที่มีชีวิตชีวาขึ้นมา
อาคารเก่าแต่ละหลังถูกแต่งเติมด้วยคาแรกเตอร์เฉพาะของแต่ละร้าน ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่ ร้านอาหาร ไปจนถึงร้านขายงานแฮนด์เมดน่ารักๆ และยังมีพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะและกิจกรรมต่างๆหมุนเวียนตลอดทั้งปี ทำให้ซอยซุ้มประตูไม้ หนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาเดินเล่น ถ่ายรูป นั่งจิบกาแฟ ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบเพลินๆ
มาต่อกันที่ Sit in Soi คาเฟ่ลับ ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอก แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ตั้งแต่ทางเข้า ด้านหน้าร้านตกแต่งด้วยดอกไม้สีสันสดใส และพื้นหญ้าเทียมที่ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าไปในสวนเล็ก ๆ ที่แสนอบอุ่น เมื่อเดินลึกเข้าไป จะพบกับเก้าอี้เล็ก ๆ ที่เรียงรายชิดกำแพงให้ได้นั่งพักผ่อน และที่ปลายสุดของซอยก็กำลังมีบาริสต้าดริปกาแฟอย่างละเมียดละไม ส่งกลิ่นหอมอบอวล
แต่ความจริงตัวร้านคือ อาคารสูงขนาด 2 ชั้น แม้ตัวร้านจะไม่ได้ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ แต่ด้วยการตกแต่งที่ชวนให้แวะเข้าไปดูใกล้ ๆ โดดเด่นด้วยโทนสีน้ำเงินเข้ม ด้านในตกแต่งสไตล์ยุโรปคลาสสิก ผสมผสานกับดอกไม้หลากสีที่ประดับอยู่ทั่วร้าน เติมบรรยากาศให้ดูสดชื่นและมีชีวิตชีวา ทำให้หลายคนอดใจไม่ไหวต้องแวะเข้ามาสัมผัสด้วยตัวเอง เมนูที่ห้ามพลาดของที่นี่คือ Coffee de Songwat กาแฟซิกเนเจอร์ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากสูตรเฉพาะของทางร้าน ใช้เครื่องเทศที่ขายในทรงวาดอย่างขิง อบเชย และโป๊ยกั๊ก เบลนกับความร้อนจะได้รสชาติที่เผ็ดร้อน เปรี้ยวซ่า แต่ยังคงความกลมกล่อมไว้อย่างลงตัว อีกหนึ่งเมนูที่แนะนำคือ Old Town กาแฟที่มาพร้อมความนุ่มนวลของคาราเมล และกลิ่นหอมอบอวลของอบเชย ให้รสชาติละมุนทานง่าย
ก่อนต้องจัดเต็มแวะเก็บภาพสวย ๆ ให้หนำใจ เพราะย่านทรงวาดคือ พื้นที่ของการสร้างสรรค์งานสตรีทอาร์ตสุดเท่ที่กระจายอยู่ทั่วทั้งย่าน ทั้งบนผนังอาคาร ประตูร้านค้า หรือแม้แต่บนประตูเหล็กของบ้านเก่าในตรอกแคบ ๆ ก็มีให้ถ่ายกันไม่มีเบื่อ. หรือแม้แต่อาคารเก่าก็ยังมีลวดลายเอกลัษณ์ เสาหรือป้ายบอกทางล้วนเป็นที่ผู้คนชื่นชอบ เข้าใจเลยว่าทำไมย่านถึงเต็มไปด้วยเหล่าคนที่แต่งตัวเก๋ มีสไตล์หลากหลาย บอกเลยว่ามาทรงวาดครั้งเดียว ได้ทั้งภาพสวย ความประทับใจ และแรงบันดาลใจกลับบ้านแน่นอน