วันที่ 5 ก.ค. 68 ที่อาคารรัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีชั่วคราว เพื่อมาแก้วิกฤตบ้านเมืองว่า เราลืมหน้าตานายกฯ-พรรค ไปได้เลย ว่าพรรคไหนหน้าตาเป็นอย่างไร พรรคประชาชนยึดหลักการเป็นหลัก และยังคงยืนยันเงื่อนไขที่ดีที่สุดตอนนี้ คือ การยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชน แต่กรณีเงื่อนไขที่ต้องมีนายกฯ ชั่วคราว เพื่อให้ผ่านงบประมาณปี 69 ไม่ให้กระทบกับเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน
ดังนั้น หากยังยืนเรื่องการยุบสภาอาจจะเป็นทางตัน เราจึงอยากหาทางออกภายใต้เงื่อนไขที่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักและและคำนึงถึงสัจจะวาจาที่ได้ให้ไว้กับประชาชน แต่ถ้าจำเป็นต้องมีมีนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง ประคับประคองให้งบประมาณ ปี 69 ผ่าน แล้วยุบสภา เราพร้อมที่จะยกมือให้ ถ้าจำเป็นที่จะใช้มือของเรา โดยที่เรายืนยันว่าไม่ขอร่วมรัฐบาล ไหนๆ ก็จะเลือกตั้งใหม่แล้ว จะช่วยประหยัดงบประมาณภาษีของประชาชน และเตรียมในเรื่องของการทำประชามติการตั้ง ส.ส.ร. เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่เป็นผลพวงของรัฐประหารได้เริ่มต้นแก้ไขอย่างจริงจังเสียทีไม่ใช่รำกันไปมา ถ้าประชาชนมีมติว่าควรมี ส.ส.ร. เป็นการเริ่มต้นแล้ว และเห็นสว่างทางไปอุโมงค์ในระบอบประชาธิปไตย พร้อมยืนยันว่า จะอย่างไรก็ตามพรรคประชาชนจะไม่สร้างทางตันให้เกิดขึ้นให้เกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตยอย่างแน่นอน และเมื่อไหร่ที่มีทางตันพวกเราจะช่วยกันขุด เพื่อหาทางออก เลิกฝันไปเลยว่า จะเกิดรัฐประหารภายใต้ภายใต้การที่ที่มีพรรคประชาชนยังอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยนั้น นายวิโรจน์กล่าวว่า เรายื่นเงื่อนไขต่อสาธารณะ สมมุติว่า นายชัยเกษม นิติสิริ รับเงื่อนไขนี้ แล้วจำเป็นต้อง ยกมือให้นายชัยเกษม เราก็ยินดี ใครก็ได้ งบ 69 ผ่าน ทำประชามติร่วมกับการเลือกตั้งเลย ยุบสภาภายในสิ้นปีนี้ แล้วจำเป็นต้องใช้มือเรา เราก็ยินดีที่จะยกเมืองให้ เพื่อบ้านเมืองผ่านไปได้
เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ สส. ที่ไปร่วมวงเจรจากับนายอนุทิน หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า การไปพบปะพูดคุยกันระหว่างนักการเมืองเป็นเรื่องปกติ และได้มีการชี้แจงออกมาแล้วว่า เป็นการพบปะกันจริงแต่เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ตนคิดว่าการพูดคุยกันเป็นเรื่องปกติ แต่คงไม่มีการแอบโทรไปหา “อังเคิล”อย่างที่ใครทำแน่นอน