อดีตนักการเมืองดัง ‘นิกม์ แสงศิรินาวิน’ ร้องถูกมิจฉาชีพฉกเอกสารพ่อ เปิดเบอร์มือถือ-เช่าซื้อเบนซ์

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม  นายนิกม์ แสงศิรินาวิน อายุ 43 ปี หนึ่งในผู้ก่อตั้ง “กลุ่มเส้นด้าย” อดีตนักการเมือง และผู้ที่เคยเปิดประเด็นหุ้นสื่อไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวสุดตกใจ เมื่อเอกสารของ พล.ต.ท.สิทธิเดช แสงศิรินาวิน อายุ 74 ปี (หมอโส่ย) บิดาของตน ถูกมิจฉาชีพนำไปใช้เปิดเบอร์โทรศัพท์มือถือและเช่าซื้อรถยนต์หรู โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่อง

นายนิกม์ เล่าว่า เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 บิดาของตนได้รับจดหมายทวงหนี้ค่าโทรศัพท์มือถือ 2 ฉบับ จากสำนักงานทนายความแห่งหนึ่ง ระบุว่าบิดาค้างชำระค่าบริการโทรศัพท์มือถือค่ายหนึ่ง จำนวน 1,200.43 บาท และ 1,801.51 บาท สำหรับช่วงเดือนธันวาคม 2564 ถึงมีนาคม 2565 และธันวาคม 2564 ถึงเมษายน 2565 ตามลำดับ ซึ่งบิดาของตนยืนยันว่าไม่เคยเป็นผู้ใช้งานเบอร์โทรศัพท์ทั้งสองเบอร์นี้

จากการตรวจสอบเบื้องต้นโดยการนำเบอร์โทรศัพท์ไปค้นหาในแอปพลิเคชัน LINE พบว่าเบอร์หนึ่งมีเด็กชายชาวต่างชาติวัย 13 ปี และคุณแม่คนไทยเป็นผู้ใช้งาน ส่วนอีกเบอร์ไม่พบข้อมูลผู้ใช้ ทำให้เชื่อว่าสองแม่ลูกคู่นี้น่าจะแอบอ้างใช้เอกสารปลอมเพื่อเปิดใช้งาน

นายนิกม์ได้รับมอบอำนาจจากบิดาให้เข้าแจ้งความที่ สน.สุทธิสาร เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 และมีกำหนดเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนในวันอังคารที่ 8 กรกฎาคม นี้เวลา 13.00 น.

นอกจากกรณีเบอร์โทรศัพท์แล้ว นายนิกม์ยังเปิดเผยว่า เมื่อย้อนกลับไปในปี 2565-2566 บิดาของตนยังได้รับใบสั่งจราจรถึง 9 ฉบับ ในฐานะผู้ขับขี่หรือผู้ครอบครองรถยนต์เบนซ์ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร เนื่องจากใช้ความเร็วเกินกำหนด ซึ่งบิดาของตนไม่เคยเป็นเจ้าของหรือใช้รถเบนซ์คันดังกล่าว จึงไม่ได้ชำระค่าปรับ

ต่อมาในปี 2566 บิดาของตนถูกบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่งฟ้องศาลกรณีไม่ชำระค่างวดรถเบนซ์คันดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งได้เช่าซื้อรถคันนี้จากเต็นท์รถมือสอง โดยใช้เอกสารปลอมเป็นชื่อของบิดาตน และหญิงคนดังกล่าวก็คือคนเดียวกับแม่ของเด็กชายวัย 13 ปีที่ใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือที่ค้างชำระนั่นเอง

นายนิกม์กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนำเรื่องราวนี้ไปโพสต์บนเฟซบุ๊กเพื่อเตือนภัย มีผู้เสียหายอีก 2 รายเข้ามาให้ข้อมูลว่าถูกหญิงคนดังกล่าวจ่ายเช็คเด้งด้วย

จากการสืบค้นประวัติพบว่าแม่ของเด็กมีประวัติอาชญากรรมและหมายจับหลายคดีในหลายจังหวัด ซึ่งสร้างความแปลกใจว่าเหตุใดจึงยังไม่ถูกจับกุม นายนิกม์ตั้งข้อสังเกตว่าหลังจากหญิงคนดังกล่าวหย่าร้างกับสามีชาวต่างชาติแล้ว อาจมีแฟนใหม่ที่มักอ้างตัวเป็นตำรวจคอยให้การสนับสนุน

“ขณะนี้ผมได้แจ้งความดำเนินคดีที่ สน.สุทธิสารแล้ว และอยู่ระหว่างรอตำรวจสอบเอกสารหลักฐานจากผู้ให้บริการเพิ่มเติม หลังจากนั้นจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดต่อไป” นายนิกม์กล่าวและว่า  “อยากให้ทุกคนเฝ้าระวังมิจฉาชีพให้ดี เพราะมันมาทุกรูปแบบจริงๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่จะตกเป็นเป้าหมายได้ง่าย”