วิศวกรชาวจีนแผ่นดินใหญ่รายหนึ่ง นามสมมติว่า “อาเหว่ย” เกิดอาการก้อนบวมใหญ่บริเวณลำคอ ซึ่งกดทับเส้นประสาทที่หูจนทำให้รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง จึงเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลประชาชนเมืองเซินเจิ้น
หลังฟังคำบรรยายอาการจากผู้ป่วย แพทย์ได้ทำการตรวจและให้ยาปฏิชีวนะทันที แต่ฝีที่คอกลับไม่ยุบลง จึงจำเป็นต้องผ่าตัดระบายหนอง และในระหว่างการผ่าตัดล้างหนองนั้น แพทย์ก็พบ “วัตถุดำแปลกปลอม” ปะปนอยู่ในหนองอย่างไม่น่าเชื่อ
ตามรายงานของสื่อจีนหลายสำนัก ระบุว่า นพ.เอี๋ยน หมิ่น รองหัวหน้าแผนกโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลประชาชนเมืองเซินเจิ้น เปิดเผยว่า
"เมื่อเราส่งชิ้นส่วนวัตถุดำที่พบในหนองไปตรวจทางพยาธิวิทยา ก็พบว่ามันคือวัตถุจากพืช"
สิ่งที่น่าตกตะลึงคือ ฝีที่ลำคอของอาเหว่ยนั้น มีเมล็ดแตงโมอยู่ถึง 7 เม็ด ฝังอยู่ภายใน ซึ่งแม้แต่ตัวผู้ป่วยเองก็ไม่อยากจะเชื่อ หลังเห็นความผิดปกติ แพทย์จึงรีบนำอาเหว่ยไปตรวจกล้องส่องโพรงจมูกและทำเอกซเรย์ด้วยน้ำยาทำเงา (ไอโอดีน) จนพบสาเหตุที่แท้จริงว่าเป็นโรคแต่กำเนิดหายากชนิดหนึ่งชื่อว่า “ไซนัสพาริฟอร์ม ฟิสชูลา” (Pyriform Sinus Fistula)
แพทย์อธิบายว่าโรคนี้เกิดจากการที่เนื้อเยื่อบริเวณคอและลำคอของทารกในครรภ์แยกตัวไม่สมบูรณ์ ทำให้บริเวณ "โพรงพาริฟอร์ม" (Piriform sinus) ซึ่งเป็นแอ่งเล็ก ๆ สองข้างของกล่องเสียง เกิดการเชื่อมกับเนื้อเยื่อลำคอผ่านท่อผิดปกติ (fistula) ท่อแคบ ๆ นี้เปรียบเสมือน "อุโมงค์ลับ" ที่เปิดเข้าจากลำคอไปสู่เนื้อเยื่อลึกในลำคอ และเป็นทางที่เชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมสามารถแทรกเข้าไปได้
ที่น่าสังเกตคือ ในผู้ป่วยกว่า 90% ท่อนี้จะเปิดอยู่ทางซ้ายของลำคอ ซึ่งตรงกับอาเหว่ยพอดี เมล็ดแตงโมที่พบก็เข้าไปตามช่องทางนี้ และตั้งรกรากในลำคอของเขานานนับสิบปี
แม้อาเหว่ยยืนยันว่าไม่ได้กินเมล็ดแตงโมเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่เขาก็เริ่มนึกออกว่า เมื่อ 20 ปีก่อน เขาเคยมีอาการบวมเจ็บที่คอในตำแหน่งเดียวกัน และหายดีหลังจากกินยา
แพทย์คาดว่า เมล็ดแตงโมน่าจะเข้าไปในท่อนี้ตั้งแต่ตอนนั้น ผ่านการกลืนอาหารแล้วหลุดเข้าไปในช่องทางโดยไม่รู้ตัว เมื่อเวลาผ่านไป เมล็ดที่ค้างอยู่กลายเป็น “อาหารของเชื้อโรค” เพราะประกอบด้วยไขมันและโปรตีน จึงทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังภายในโพรง และในช่วงหลังอาเหว่ยพักผ่อนน้อย ทำงานหนัก จนภูมิคุ้มกันตก เชื้อโรคจึงปะทุออกมาอย่างรุนแรง
แพทย์อธิบายว่า โดยทั่วไปผู้ป่วยโรคนี้จะเริ่มมีอาการติดเชื้อซ้ำ ๆ ตั้งแต่วัยเด็ก แต่บางรายเช่นอาเหว่ย ท่อผิดปกตินั้นลึกมากและไม่ถูกกระตุ้น จึงไม่มีอาการเป็นเวลานาน จนเมื่อภูมิคุ้มกันลดลงหรือรับประทานอาหารรสจัด ติดเชื้อ หรือเหนื่อยล้า ระบบร่างกายจึงตอบสนองและเกิดฝีหนองขึ้นมา
