สส.ตาก ปชน. อัดรัฐบาลจัดงบจัดการน้ำไม่ตรงจุด แฉบางโครงการของกรมชลฯ ยังไม่สมบูรณ์แต่เสนอแผนงาน หวังซุก-โยกย้ายงบ ตามเป้าประสงค์ฝ่ายการเมือง
เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 29 พ.ค.2568 ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วันที่สอง นายคริษฐ์ ปานเนียม สส.ตาก พรรคประชาชน อภิปรายภาพรวมงบประมาณการจัดการน้ำ ซึ่งงบในส่วนนี้ปีหนึ่งๆ จะอยู่ที่ 1.5 แสนล้านบาท
แต่ในปี 69 มีความพิเศษ ตรงที่มีงบประมาณที่โยกมาจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต มาทำโครงการน้ำรวมๆ แล้วน่าจะมี 2 แสนล้านบาท แต่การจัดลำดับความสำคัญแต่ละโครงการ เป็นการเอาความต้องการของฝ่ายบริหารมาก่อน ส่วนโครงการที่พยายามสะท้อนปัญหาจากท้องถิ่นสู่จังหวัด โดยเฉพาะจากคณะกรรมการลุ่มน้ำ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แม้จะทำคำของบขึ้นมาหลายครั้งแต่สุดท้ายก็เงียบหาย แก้ปัญหาให้ชาวบ้านไม่ได้
จึงเกิดคำถามถึงการจัดลำดับความสำคัญของการจัดการน้ำ ว่าให้ความสำคัญกับการจัดการพื้นที่จริงหรือไม่ และเป็นการแก้ปัญหาตรงจุดหรือไม่ เพราะการจัดลำดับความสำคัญสุดท้ายฝ่ายการเมืองก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบ มากกว่าความต้องการของพื้นที่จริงๆ
นายคริษฐ์ กล่าวว่า ยกตัวอย่างโครงการของส่วนกลางที่ได้รับการจัดลำดับความสำคัญลำดับแรกๆ เช่น 10 โครงการเรือธง ของกรมชลประทานในงบ 69 บางโครงการยังไม่ผ่านการอนุญาตใช้พื้นที่อุทยาน และเขตป่าไม้ ก็บรรจุแผนเข้ามา
ขอตั้งข้อสังเกตว่าทำแผน และขอเข้ามาทำไมทั้งที่ไม่พร้อมดำเนินการ มีข้าราชการน้ำดีเล่าให้ฟังว่าเหตุที่ทำแบบนี้ ทั้งที่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะท้ายที่สุดจะเบิกจ่ายใช้งบประมาณไม่ได้ เพียงต้องการของบมากองมาซุกไว้ สุดท้ายโครงการเหล่านี้จะถูกแปรสภาพด้วยการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณ และเปลี่ยนแปลงโครงการ
“วิธีการคือการโยกย้ายปรับเปลี่ยนโครงการโดยใช้อำนาจรัฐมนตรีในวงเงิน 100 ล้านบาท อำนาจอธิบดี 10 ล้านบาท ที่สามารถอนุมัติงบ เพื่อการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายงบ เพื่อนำไปสู่โครงการอื่นตามเป้าประสงค์ของฝ่ายการเมือง โดยไม่ต้องมีเอกสารใดๆ มาชี้แจง พูดง่ายๆ เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อตนเอง พวกพ้อง การหาเสียงทางการเมือง ซึ่งยากต่อการตรวจสอบ” นายคริษฐ์ กล่าว
นายคริษฐ์ กล่าวถึงการจัดสรรงบประมาณ 22 ลุ่มน้ำ ซึ่งภาพรวมงบ 69 กระจุกตัวอยู่ที่ลุ่มน้ำภาคกลาง และภาคตะวันออก 4.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ภาคใต้ได้เพียง 1.5 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้งบเพียง 11.2% ถือว่าน้อย และต่ำที่สุดในทุกลุ่มน้ำ
ขณะที่บางลุ่มน้ำได้งบไปมากกว่า 50% ตนจึงไม่แน่ใจว่าท่านกระจายงบลงพื้นที่ต่างๆ ด้วยหลักการอะไร เพราะไม่มีความสมดุล