ไอติม ลุกฉายละครเรื่องพท.หัวใจประชาชน ท้ายอมรับ ดีลพ่อกลับบ้าน แลกกับการป้องรธน.60
GH News July 07, 2025 04:00 PM

’พริษฐ์‘ ฉายภาพละคร ‘รัฐบาลเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน’ 5 ตอน ถามเอาแต่ท่องคาสิโนจะกระตุ้นการท่องเที่ยว เคยชั่งน้ำหนักหรือไม่ รายได้ที่จะได้นั้นมากหรือน้อยกว่าได้จาก นทท.จีน จวก อะไรที่ไม่อยากทำแล้วก็อ้างติดที่พรรคร่วมฯ ซัด รัฐบาลเป็นเป็ดง่อย ต้องรอ ‘นายกฯ คนพ่อตัวจริง’ ตัดสินใจ ท้าอิงค์ ยอมรับ ดีลพ่อกลับบ้าน แลกปกรธน.60 หรือไม่ ?

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นพิเศษ ที่มี นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กับคณะ จำนวน 165 คน เป็นผู้เสนอ

จากนั้นเวลา 22.45 น. นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ตนเข้าใจดีว่าเป็นความพยายามของน.ส.แพทองธาร ที่จะชวนพวกเรานึกย้อนไปถึงภาพจำของรัฐบาลพรรคท่านในอดีต ที่เคยบริหารประเทศในช่วงเวลาที่คนจำนวนไม่น้อยอาศัยอยู่ในช่วงเวลาที่เป็นประชาธิปไตยกินได้ ผสมผสานเศรษฐกิจที่รุ่งเรือง การเมืองที่ยึดโยงกับประชาชน แต่ภายในระยะเวลา 6 เดือนภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ภาพจำดังกล่าวพังทลายลงไปเรียบร้อยแล้ว ประชาชนไม่มีกินอย่างไร จีดีพีของเรารั้งท้ายในอาเซียน ค่าแรงขั้นต่ำแตะ 400 บาทใน 4 จังหวัด 1 อำเภอ ราคาข้าวตกต่ำลดลงมา 30-50 เปอร์เซ็นต์ แม้นายกฯ จะสอบตกเรื่องเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ซึ่งท่านก็สอบตกเช่นกัน เรื่องการยกระดับประชาธิปไตย

นายพริษฐ์​ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา วันนั้นมีการตกผลึกของสังคมและแปรเปลี่ยนออกมาเป็นพลังของประชาชนอย่างน้อย 70 เปอร์เซ็นต์ที่เข้าคูหาเลือกตั้งและลงโทษผู้นำที่สืบทอดมาจากเผด็จการ และมอบอำนาจให้พรรคฝ่ายค้านในตอนนั้นด้วยความคาดหวังว่ารัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะมีอำนาจที่เปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย และก็ไม่น่าเชื่อว่า มีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่มีความรู้สึกว่าประชาธิปไตยของบ้านเราในตอนนี้ไม่ได้ดีไปกว่าการนำของรัฐบาลก่อนหน้านี้ที่มีนายกฯ​ ที่เป็นคนก่อรัฐประหาร ซึ่งหากวัดจากดัชนีประชาธิปไตยจะเห็นว่าประชาธิปไตยของเราบกพร่องจริงๆ โดยในปี 2567 ลดลงเหลือ 6.27 หรือหากวัดจากเสรีภาพทั่วโลกประเทศเราก็ถูกลดลำดับลง ตอนนี้อยู่ในหมวดหมู่ของการไม่มีเสรีภาพจากที่เคยอยู่ในหมวดหมู่มีเสรีภาพบางส่วน หากนายกฯ ไม่อยากใช้มาตรฐานสากล เราใช้ไม้บรรทัดของพรรคเพื่อไทยก็ได้ ซึ่งจะเห็นว่าตอนนี้ยังไม่ได้ก้าวขึ้นสู่บันไดสักขั้นเลย

นายพริษฐ์​ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม คนที่ต้องรับผิดชอบมากที่สุดต่อความล้มเหลวดังกล่าวคือ น.ส.แพทองธาร ที่จงใจทิ้งขว้างโอกาสที่ดีที่สุดในรอบ 20 ปีในการสร้างการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ในการเอาอำนาจที่ประชาชนมอบให้ไปแลกกลับผลประโยชน์ส่วนตัว ครอบครัว และเครือข่ายที่พึ่งพาการมีอยู่ของน.ส.แพทองธาร ฉะนั้น การบริหารประเทศและการปฏิรูปการเมืองภายใต้การนำน.ส.แพทองธาร จึงเป็นเหมือนละครเรื่องหนึ่งที่มีชื่อว่า “รัฐบาลเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน” มีทั้งหมด 5 ตอน โดยมีนายกฯ เป็นตัวละครหลักที่กำลังจะมุ่งสู่ความพังพินาศของระบบการเมืองไทย ทั้งนี้ ละครนี้อาจจะมีภาพ เสียง และเนื้อหาเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้นำประเทศเรา โปรดใช้วิจารณญาณ

นายพริษฐ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับตอนที่หนึ่ง ตนให้ชื่อว่ารวมกันอ้างชาติ คือพฤติกรรมของนายกฯ ที่รวมกันตั้งรัฐบาลโดยอ้างว่าทำเพื่อประเทศชาติ แต่ไม่เคยเอาเรื่องนโยบายส่วนรวมเป็นตัวตั้ง และหากย้อนไปตอนตั้งรัฐบาลใหม่ๆ สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ​ ที่พรรคการเมืองเหล่านั้น มาจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันได้เพราะไม่เอามาตรา 112 และพรรคก้าวไกลในขณะนั้น จนมาถึงสมัยของน.ส.แพทองธาร ก็ออกมาในรูปแบบเดิมคือพรรคการเมืองนั้นๆ ต่างออกมาบอกว่าไม่เอามาตรา 112

“2 ปีที่ผ่านมาจึงพิสูจน์ให้เห็นว่า ภาพจำตอนเลือกตั้งของปี 2566 ที่บอกว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลข้ามขั้วนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา เพราะแม้พวกเขาจะหาเสียงแตกต่างกันแค่ไหน แม้พวกเขาจะเคยไล่หนูตีงูเห่ากันมาไม่รู้กี่รอบ แต่ความจริงแล้วพวกเขาเป็นพวกขั้วเดียวกันที่มีคุณสมบัติร่วมกัน คงเส้นคงวาในการกลับคำพูดไปมาโดยไม่เขินอายต่อคำพูดตัวเองในอดีต เพียงแค่ให้อยู่ในอำนาจโดยไม่สนใจวาระการปฏิรูปการเมืองต่างๆ คงจะไม่สำเร็จภายใต้รัฐบาลนี้ แต่ก็เข้าใจดีว่านายกฯ จะมายอมรับเช่นนั้นในตอนนั้น เลยคงเป็นไปไม่ได้จึงต้องเล่นละครต่อไปเรื่อยๆ“ นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนละครตอนที่สองขอให้ชื่อว่า ปากอย่างใจอย่าง สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีที่เสแสร้งว่าต้องการผลักดันการปฏิรูปการเมืองแต่ไม่เคยออกแรงให้ได้เห็น เช่น การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีต้นกำเนิดมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 และทำให้กลไกปราบโกงมีความล่าช้าและอ่อนแอ ถูกแทรกแซงได้ เปิดช่องให้รัฐบาลกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สามารถฮั้วกันได้โดยใช้ตำแหน่งประธานรัฐสภาเป็นเครื่องมือ

นอกจากนี้ ยังทำให้อำนาจที่มาของสมาชิกวุฒิสภาไม่สมดุลกัน มีกระบวนการการเลือกสว.ที่พิสดาร ไม่ยึดโยงกับประชาชน และเอื้อต่อมหกรรมการโกงที่ทุกคนรู้มีเพียงแค่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ไม่รู้ รวมถึงรัฐธรรมนูญปี 2560 ยังทำให้เกิดการยุบพรรคการเมือง ตัดสิทธิ์นักการเมืองเป็นว่าเล่น ซึ่งกระทบต่อเสถียรภาพของการเมืองและทำให้ประชาชนต้องรับกรรมจากการมี น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ ทั้งที่ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของประชาชนและไม่ใช่ตัวเลือกแรกของพรรคการเมืองที่ท่านสังกัดอยู่ โดยปัญหาเหล่านี้ตนเชื่อว่านายกฯ จะรู้ดี แม้พรรคฝ่ายค้านจะเสนอทางออกว่าให้ทำประชามติแค่สองครั้ง แต่ท่านนายกฯ ก็ไม่เคยลงแรง มีแต่พรรคฝ่ายค้านที่พยายามจะทำ

“แน่จริงท่านนายกฯ ยอมรับตรงๆ เลย ว่าเมื่อท่านไปทำดีลให้คุณพ่อท่านได้กลับบ้านมาแล้ว ส่วนหนึ่งของดีลนั้น คือท่านต้องปกป้องรัฐธรรมนูญปี 2560 เอาไว้ให้ได้ ซึ่งหากลองเปรียบเทียบความพยายามของนายกฯ เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญกับความพยายามของนายกฯ เรื่องคาสิโน ก็จะเห็นระดับความพยายามที่ชัดเจน นายกฯ พร้อมจะลุยไฟเรื่องคาสิโนแม้จะต้องหลอกลวงประชาชนซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลักการก็กลับไปกลับมา ไม่มีผลการศึกษาที่ละเอียดมารองรับ สิ่งที่พวกผมให้อภัยไม่ได้คือการที่นายกฯ พร้อมจะลุยไฟเรื่องคาสิโน แม้จะต้องไปทำดีลกับ พรรคร่วมรัฐบาลที่ทำให้วิกฤตพนันออนไลน์สามารถทำร้ายประชาชนสาหัสกว่าเดิม ซึ่งเห็นได้ชัดจากการกลับลำของพรรคภูมิใจไทย นี่ถือเป็นการดีลอำมหิต ในการแจกไพ่พิเศษใบหนึ่งให้กับนายกฯ จากพรรคการเมืองหนึ่งไปออกคาสิโนในพื้นที่ และแจกไพ่พิเศษอีกหนึ่งใบไปให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจากอีกพรรคการเมืองหนึ่งไปออกใบอนุญาตคาสิโนออนไลน์ โดยไม่มีประโยชน์ของประชาชนอยู่ในสมการ และไม่มีการพูดคุยหาทางออกว่าจะทำอย่างไรในการปกป้องประชาชนชาวไทยอีกหลายล้านคนไม่ให้หลุดเข้าไปเป็นเหยื่อการพนันมากกว่าเดิม“ นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังจะทำให้ภาพของการท่องเที่ยวเสียหายไปด้วย ที่ผ่านมารัฐบาลสอนเรามาโดยตลอดว่าตลาดนักท่องเที่ยวจีนสำคัญกับการท่องเที่ยวไทยมากแค่ไหน แต่รัฐบาลเดียวกันกับเดินหน้านโยบายคาสิโนโดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อความพยายามของรัฐบาลจีนในการลดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปประเทศอื่นเพื่อไปเล่นการพนัน ซึ่งนายกฯ จะบอกว่าไม่รู้ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้ เพราะตอนที่นายกฯ เดินทางไปจีน เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตนได้ทราบข้อมูลว่าประธานาธิบดีของประเทศจีน ถามย้ำถึงเรื่องนโยบายคาสิโนกับท่านนายกฯ ถึงสามรอบ ย้ำว่าประชาชนไม่เคยอยู่ในสมการนี้เลย และนายกฯ ก็อยากให้มีคาสิโนอยู่ในประเทศนี้ถึงขั้นที่เอาชีวิตของประชาชนหลายล้านคนไปเสี่ยงด้วย ตอนที่ไปดีลกันนั้นท่านได้คิดถึงชีวิตของประชาชนบ้างหรือไม่ ท่านท่องอยู่เสมอว่ารายได้จากคาสิโนจากกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ แต่ท่านเคยชั่งน้ำหนักจริงๆ หรือไม่ว่ารายได้ที่ได้จากคาสินั้นมากหรือน้อยกว่ารายได้ที่ได้ที่เราเสี่ยงจะสูญเสียไปจากนักท่องเที่ยวจีน

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับตอนที่สาม ตนให้ชื่อว่าสามก๊กลวงโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของนายกฯ ในการโยนบาปทั้งหมดให้กับพรรคร่วมรัฐบาลแต่กลับไม่ผลักดันวาระหลายวาระ ที่ตนทำให้สำเร็จเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อท่านเล่นละครไปสักพักประชาชนก็เริ่มดูออกโดยมุกประจำที่ท่านชอบใช้คือการให้ที่ปรึกษาของท่านออกมาแต่งนิยายสามก๊ก ที่พยายามหลอกประชาชนว่าการเมืองไทยมีสามก๊ก แน่นอนว่าก๊กแรกคือพวกตน พรรคฝ่ายค้าน และพยายามวาดภาพว่าภายในรัฐบาลของพวกท่านนั้นมีสองก๊กอยู่ด้วยกัน ก๊อกหนึ่งคือพรรคของท่านนายกฯ เป็นผู้ประเสริฐ กับอีกก๊กหนึ่งคือพวกที่เป็นผู้ร้าย อีกมุมอะไรดีๆ เป็นวาระก้าวหน้าที่รัฐบาลถูกสังคมกดดันจนต้องผลักดัน นายกฯ กับพรรคของท่านก็รีบออกมาเคลมบอกว่าเป็นผลลัพธ์จากความเก่งกาจของท่านในการโน้มน้าวอีกก๊กหนึ่ง ทั้งที่หลายครั้งความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นจากท่านและพรรคของท่านเลย เช่น การยกเลิกคำสั่ง คสช. ซึ่งเมื่อมาถึงวันนี้อะไรที่ท่านไม่อยากทำมันแล้วท่านก็จะใช้วิธีการลอยตัวเหนือปัญหา อ้างว่าติดที่พรรคร่วมรัฐบาลบ้าง ส่งคนของท่านไปด่าว่าคนนั้นคนนี้เป็นอีแอบ เพื่อหวังจะไปอ้อนกับประชาชนเพื่อที่จะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ พ.ร.บ.การจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ที่พรรคของท่านเสนอร่างกฎหมายมาประกบกับพรรคก้าวไกล เนื้อหาสอดคล้องกันที่ต้องการให้กองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน และพยายามทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีอำนาจในการกำหนดนโยบาย ไม่ใช่เป็นเพียงโฆษกกองทัพที่คอยแก้ต่างให้กับมติของสภากลาโหม

นายพริษฐ์ กล่าวด้วยว่า แต่ทันทีที่พรรคร่วมรัฐบาลประกาศไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายของพรรคเพื่อไทยที่ปรึกษาของพรรคท่านก็ ช่วยโอกาสงัดนิยายสามก๊ก ขึ้นมาชักแม่น้ำทั้งห้าว่าก๊กของพวกท่านต้องการผลักดันเรื่องนี้ใจจะขาด แต่เมื่ออีกก๊กหนึ่งในรัฐบาลไม่เห็นด้วย หากฝืนจะเดินต่อโอกาสสำเร็จก็จะมีน้อย แต่พวกตนรู้ทัน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้านก็ออกมายืนยันว่า สส.พรรคประชาชน 140 คน พร้อมลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ส่งผลต่อคณิตศาสตร์ทางการเมืองทำให้พวกท่านหลอกลวงประชาชนไม่ได้อีกต่อไป เพราะประชาชนบวกเลขเป็น และไม่ต้องอ้างว่าในเมื่อเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกันต้องให้เกียรติกัน จะเสนอกฎหมายที่ขัดแย้งกันไม่ได้ เพราะตอนที่ พรรคภูมิใจไทย โหวตร่างพ.ร.บ.ประชามติต่างจากพรรคของท่านก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร แต่แทนที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะออกมาแสดงจุดยืน คือการที่เรามองว่ากองทัพไม่ควรจะเข้ามาแทรกแซงรัฐบาลพลเรือน แต่นายกฯ กับทิ้งขว้างโอกาสของดังกล่าว แต่ไปให้สัมภาษณ์ว่าพุทธศักราชนี้รัฐบาลไม่มีเจตนาในการแทรกแซงกองทัพ ทำให้สส.พรรคท่านต้องถอนร่างกฏหมายดังกล่าวออกไป

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ถ้าสังเกตดีๆ แปลกมากที่ไม่ว่าจะวาระอะไรก็ตามรวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งท่านนายกฯ ไม่สามารถที่จเรวบรวมในสภาฯ ได้มากพอ ก็จะใช้วิธีลอยตัวเหนือปัญหาแล้วบอกว่าเป็นเรื่องของสภาฯ กลับกัน เห็นชอบกับกรณีของร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีเสียงในสภาฯ เพียงพอถอดร่างกฎหมายดังกล่าวออกไปโดยไม่จำเป็นโดยอ้างพรรคร่วมรัฐบาล ดังนั้น นิยายเรื่องสามก๊กนี้จึงเป็นเพียงนิทานหลอกลวงประชาชนที่นายกฯ พรรคเพื่อไทยใช้ในการโยนความล้มเหลวของตัวเองในการปฏิรูปการเมืองไปที่พรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น

นายพริษฐ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนละครตอนที่สี่ ตนขอให้ชื่อว่าประชาชนเป็นแค่คำขวัญ ซึ่งเป็นพฤติกรรมของนายกฯ ที่ชอบยกตนเองว่ามาจากประชาชน แต่กลับบั่นทอนทุกสถาบันทางการเมืองที่ยึดโยงกับประชาชน เช่น รัฐบาลที่กลายเป็นเป็ดง่อยไม่สามารถตัดสินใจอะไรด้วยตนเองได้ ต้องรอคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีตัวจริง เมื่อนายกอยากรู้ว่าจะได้เงินหมื่นเฟสต่อไป เมื่อไหร่ก็มักจะไม่ได้คำตอบจากการให้สัมภาษณ์ของท่านนายกฯ คนลูก แต่มักจะได้ยินที่แรกจากคำพูดหรือบนเวทีปราศรัยของนายกฯ คนพ่อ นอกจากนี้ ฝ่ายค้านได้ถามกระทู้สดน.ส.แพทองธาร แต่นายกฯ ตอบพวกเราแค่ 0 ครั้งต่อ 19 ครั้ง เวลาที่ท่านเข้ามาในสภาฯ ก็ทำเหมือนว่าฝ่ายค้านต้องซาบซึ้ง

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนละครตอนสุดท้าย ตนขอให้ชื่อว่าปราบโกงเป็นพิธี ที่ท่านนายกฯ ชอบอ้างความถูกต้อง เมื่อตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม แต่กลับปล่อยปละละเลยปัญหาคอร์รัปชั่น ที่ไม่เคยได้เห็นจากนายกฯ แพทองธาร หรือแม้กระทั่งการออกกฏหมายในสภาฯ เพื่อสร้างความโปร่งใสท่านก็ไม่ทำ ย้ำว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลการละครที่ชอบอ้างความถูกต้องเอาหล่อเมื่อตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม แต่กลับปิดตาข้างเดียวเมื่อไหร่ที่โคจรมาอยู่ฝ่ายเดียวกัน

“ความจริงแล้วละคร 5 ตอนดังกล่าวนั้นไม่ได้แยกออกจากกันแต่มีเส้นเลือดที่ตอกย้ำว่าประเทศเรามีนายกรัฐมนตรีที่จงใจบริหารราชการแผ่นดินแบบสองมาตรฐาน เมื่อเป็นผลประโยชน์ส่วนรวมก็ทำอีกแบบหนึ่ง แต่พอเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวก็จะทำอีกแบบ นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลที่สามัคคีกันตอนเข้าสู่อำนาจ แต่กลับขาดเอกภาพในการผลักดันนโยบาย เป็นนายกรัฐมนตรีที่ปล่อยจอยกับนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ แต่ทุ่มสุดตัวกับนโยบายที่มีไว้หากิน เป็นนายกรัฐมนตรีที่เคลมความดีทั้งหมดไว้กับตัวเองแต่กลับโยนบาปให้กับคนอื่น เป็นนายกรัฐมนตรีที่สามารถทำให้สุขภาพของคนๆ หนึ่งแข็งแรงขึ้นได้ในพริบตา แต่กลับทำให้สถาบันทางการเมืองของประชาชน 60 ล้านคนต้องอ่อนแอลง นายกรัฐมนตรีที่อ้างความถูกต้องเมื่อตรวจสอบฝ่ายตรงข้าม กลับเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องที่อยู่รอบตัวท่านและรอบตัวครอบครัวท่าน

“ฉะนั้น การเล่นละครของนายกฯ แพทองธาร ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากลับสร้างความเสียหายที่เลวร้ายต่อประเทศชาติและประชาชนมามากเกินกว่าที่พวกผมสามารถไว้วางใจให้ปฎิบัติหน้าที่ต่อไปได้ จึงขอวิงวอนไปยังเพื่อนสมาชิกว่า แม้ในวันที่ 26 มีนาคมที่จะมีการลงมติกัน ท่านจะไม่พร้อมใช้หนึ่งเสียงของท่านเพื่อลงโทษผู้นำที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการปฏิรูปการเมืองไทย แต่อย่างน้อยก็หวังว่าท่านจะใช้หนึ่งเสียงของท่านเพื่อปกป้องเกียรติยศและอาชีพตัวเองในการลงมติเพื่อสื่อสารกับประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดในประเทศนี้ว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของนักการเมืองไทยในสายตาของประชาชน ในสายตาของประชาชนคมโลกไม่ควรจะไปตกอยู่กับบุคคลที่ไร้หลักการ ไร้ความสามารถและไร้ความจริงใจ ไร้ความรับผิดชอบต่อส่วนรวมที่ชื่อว่าแพทองธาร ชินวัตร“ นายพริษฐ์ กล่าว

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.