เขมรโต้กลับกต. ชี้ยื่นฟ้องศาลโลก เหตุไทยละเมิด MOU43 ตลอด
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศไทย โดยมีเนื้อหาพูดถึงกรณีพื้นที่พิพาทชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา รวมถึงบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก หรือ MOU43
แถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาระบุว่า กัมพูชายึดมั่นที่จะให้มีการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนอย่างสันติ สอดคล้องไปกับกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรอาเซียน และ MOU43 การดำเนินงานของกัมพูชาในประเด็นนี้ได้ยึดตามพันธกรณีของสนธิสัญญาและหลักการของความเท่าเทียมทางอธิปไตย และการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติตามที่ระบุในกฎบัตรสหประชาชาติ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาระบุว่า ไทยไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดสำคัญของ MOU43 มาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมาตราที่ 1 ที่ยืนยันให้ใช้แผนที่ที่จัดทำโดยคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน แต่ไทยไม่ได้ปฏิบัติตามและยืนกรานที่จะบังคับใช้แผนที่ที่ไทยจัดทำขึ้นมาฝ่ายเดียวในการอ้างสิทธิ์ในอาณาเขตและรุกล้ำดินแดนของกัมพูชา ซึ่งการกระทำเหล่านี้ของไทยถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและ MOU43 ที่มีผลผูกพันทางกฎหมายของทั้งสองประเทศ
กัมพูชาตัดสินใจยื่นเรื่องพื้นที่พิพาทกับไทยให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อเป็นมาตรการตอบโต้อย่างสันติต่อการที่ไทยยังคงละเมิด MOU43 มีการใช้กองทัพ การกระทำต่างๆ ของไทยที่เป็นการยั่วยุ และการที่ไทยไม่เคารพกรอบการทำงานที่มีการตกลงกันไว้ทั้งสองฝ่ายในเรื่องการร่วมกันปักปันเขตแดน แถลงการณ์ยังพูดถึงว่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเป็นศาลที่ได้รับการยอมรับและน่าเชื่อถือในการตัดสินข้อพิพาททางกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงประเด็นเขตแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกลไกทวิภาคีหยุดชะงักลงจากการที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิด MOU43 อย่างต่อเนื่อง
สุดท้าย กัมพูชาขอให้ไทยปฏิบัติตามพันธกรณีของสนธิสัญญาที่ได้ทำร่วมกัน รวมถึง MOU43 ด้วยความสุจริตใจ เพื่อยุติการกระทำฝ่ายเดียวในพื้นที่และขอให้ไทยมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ในการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ รวมถึงผ่านกลไกของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่เป็นกลไกทางกฎหมายที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ