ผู้ประกอบการ แนะ จัดพื้นที่ควบคุม กัญชา ด้านผู้ป่วยเล่าประสบการณ์ตรง ยันรักษามะเร็งได้จริง
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ได้ปักหลักแสดงออกถึงจุดยืนต่อกฎหมายกัญชา โดยมีทั้งผู้ประกอบการ ผู้ป่วย ผู้ใช้กัญชา รวมถึงนักศึกษาจากสาขาวิชากัญชาเวชศาสตร์ วิทยาลัยสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เข้าร่วมการชุมนุมกว่าร้อยคน
น.ส.นิศารัตน์ จอร์เจวิช ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายกัญชา Stash Weed Shop อายุ 33 ปี กล่าวว่า วันนี้ตนมาร่วมแสดงจุดยืนคัดค้านการนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด ซึ่งที่ผ่านมาหลังมีการปลดล็อกกัญชาเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ตนก็ได้เปิดร้านจำหน่ายกัญชา 3 สาขาย่านสุขุมวิท โดยทำตามระเบียบอย่างเข้มงวด ไม่จำหน่ายให้บุคคลที่กฎหมายกำหนด แต่ตอนนี้มีประกาศสมุนไพรควบคุมฉบับใหม่ ที่ระบุว่าต้องมีใบจ่ายยาจากแพทย์ ตนก็เป็นห่วงเรื่องความชัดเจนของใบจ่ายยา เพราะเราไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นใบจริงหรือไม่ อีกประเด็นคือใบจ่ายยา มีกำหนดแค่อาการของโรคและปริมาณการใช้ แต่ไม่ได้มีการระบุสายพันธุ์กัญชา ถ้าเป็นแบบนี้เท่ากับว่าผู้มาซื้อก็สามารถเลือกสายพันธุ์กัญชาได้เอง ซึ่งอาจไม่ตรงกับอาการที่ระบุในใบจ่ายยา ร้านก็อาจจะมีปัญหาได้ในภายหลัง ก็เป็นเรื่องที่กังวล ซึ่งตนขอดูสถานการณ์เรื่องนี้จนถึงสิ้นปีนี้ว่าจะเอาอย่างไรต่อไป แต่ยอมรับว่าได้รับผลกระทบอย่างมาก
เมื่อถามว่าถ้าจะเป็นกติกาที่ผู้ประกอบการรับได้และคิดว่าเหมาะสมคืออย่างไร น.ส.นิศารัตน์ กล่าวว่า ในเมื่อตอนนี้ กัญชาไม่ใช่ยาเสพติดแล้ว มีร้านขายกัญชาเกิดขึ้นมากมาย ดังนั้น การแก้ปัญหาต้องตรงจุด สธ. อาจต้องกำหนดพื้นที่ให้ขายได้ เป็นพื้นที่ที่ถูกกรองด้วยอายุ และเป็นพื้นที่ที่อนุญาตให้ขายและใช้กัญชาได้ เพราะต้องยอมรับว่าร้านขายกัญชาปัจจุบันส่วนหนึ่งก็เป็นไปในเชิงสันทนาการมากกว่าการแพทย์ เนื่องจากมีรายได้จากนักท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ ถ้าหากจะไม่ให้กระทบต่อร้านขายกัญชา ก็ควรจะเปิดพื้นที่ที่ควบคุมได้
ถามต่อถึงความกังวลกัญชากับเด็กและเยาวชน น.ส.นิศารัตน์ กล่าวว่า จริงๆ เรื่องนี้เป็นส่วนของผู้ปกครอง คนในบ้านที่ต้องดูแลบุตรหลาน เก็บกัญชาไว้ให้ห่างจากเด็กเหมือนกับบุหรี่ ซึ่งตนเชื่อว่าร้านขายกัญชาที่ถูกต้อง ต่างทำตามกฎหมายอยู่แล้วที่ไม่ขายให้เด็ก
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามประชาชนที่เข้ามาร่วมชุมนุม โดยยืนยันว่าเป็นผู้ป่วยที่ใช้กัญชาเพื่อรักษาตัวเอง ระบุว่า ตนอายุ 72 ปี เมื่อปี 2567 แพทย์วินิจฉัยว่าตนเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ขาขวา แต่ด้วยอายุมากจึงไม่สามารถฉายรังสีได้ และต้องรักษาด้วยยามุ่งเป้าที่จะต้องจ่ายเองเป็นหลักแสนบาท ตนไม่ได้มีเงินในการรักษา เลยลองหาแพทย์ทางเลือก จนมาเจอกับน้ำมันกัญชาของอาจารย์เดชา ได้เข้ามาลองใช้น้ำมันกัญชา โดยไม่ได้ใช้ยาอื่นเลย แต่ยังไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและติดตามอาการของโรคต่อเนื่อง ซึ่งผ่านมาปีกว่าๆ แล้ว พบว่าเชื้อมะเร็งไม่ลามไปที่อื่น นอกจากนั้นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่น เช่น ไขมัน ความดัน ก็หายเป็นปกติ ตนจึงกล้ายืนยันว่ากัญชาได้ผลจริง เพราะตนไม่ได้ใช้ยาอื่นร่วมด้วยเลย
ถามว่าถ้าเป็นกัญชาทางการแพทย์ ผู้ป่วยก็ยังสามารถได้น้ำมันกัญชาจากแพทย์ เพื่อเอามารักษาโรคได้ ผู้ป่วยรายดังกล่าว ระบุว่า แพทย์ส่วนใหญ่ไม่จ่ายน้ำมันกัญชาให้ ทำให้ต้องไปหาซื้อ แต่ตอนนี้ที่มีกฎหมายปลูกได้ ทำยาเองได้ ตนก็ไปเรียนจากลูกศิษย์อาจารย์เดชา แล้วมาสกัดน้ำมันใช้เอง ตอนนี้หลายๆ คนก็ไปเรียน มีคนป่วยจริง ใช้กัญชาจริงและหายได้จริง ตนจึงมองว่ากัญชานั้น ไม่ควรเป็นยาเสพติดเลย เพราะเป็นพืชที่มีประโยชน์ ก็ควรจะเหมือนต้นไม้ สมุนไพรทั่วไป
ถามว่าการปลูกและมีการกัญชาในบ้าน มีแนวทางในการดูแลเด็กในบ้านอย่างไร ผู้ป่วย ได้ให้ข้อมูลว่า คนที่ปลูกและใช้กัญชา ต้องสอนให้เด็กรู้จักและเรียนรู้ว่าเป็นประโยชน์ แต่ถ้าเอาไปใช้ผิดวิธีก็จะเป็นโทษ การดูแลก็เหมือนกับเหล้า บุหรี่ ที่ต้องสอนว่ามีโทษอย่างไร แต่กลับกัน กัญชา ไม่มีโทษ มีแต่ประโยชน์ ซึ่งยอมรับได้ ถ้ามีการลงโทษคนที่นำไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ แต่เชื่อว่าผู้ป่วยทุกคน ใช้กัญชาแล้วมีประโยชน์จริง รักษาโรคได้จริง