เฮ! รพ.จุฬา ผ่าตัดแก้ "หยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น" สำเร็จแห่งแรกในไทย
ข่าวสด July 07, 2025 06:40 PM

เฮ! รพ.จุฬา ผ่าตัดแก้ “หยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น” สำเร็จแห่งแรกในไทย และเป็นแห่งที่ 4 ในเอเชีย เผยแผลผ่าตัดเล็ก ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว

วันที่ 7 ก.ค. 2568 โรงพยาบาล (รพ.) จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยทีมแพทย์ศูนย์นิทราเวช ฝ่ายโสต ศอ นาสิกวิทยา ฝ่ายอายุรศาสตร์ (หน่วยโรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤต) ฝ่ายการพยาบาล และฝ่ายวิสัญญีวิทยา ได้ทำการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA) ด้วยเทคนิคใหม่ได้สำเร็จเป็นแห่งแรกของประเทศไทย และแห่งที่ 4 ในเอเชีย ช่วยเพิ่มทางเลือกในการรักษาให้กับผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

รศ.พญ.นฤชา จิรกาลวสาน หัวหน้าศูนย์นิทราเวช รพ.จุฬาลงกรณ์ และนายกสมาคมโรคจากการหลับแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การนอนหลับเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ โรคความผิดปกติจากการนอนหลับส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายทุกระบบ

รศ.พญ.นฤชา จิรกาลวสาน

ดังนั้น ศูนย์นิทราเวช และทีมแพทย์ทุกสหสาขาวิชาชีพ จึงตระหนักถึงความสำคัญของการนอนหลับ ได้จัดกิจกรรมรณรงค์ในทุกปี เปิดให้บริการการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาการนอนหลับในทุกรูปแบบ โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA) ซึ่งพบได้ถึงร้อยละ 14 ในประชากรทั่วไป

ผู้ป่วยไปพบแพทย์ด้วยอาการกรน ตื่นบ่อยระหว่างคืน ง่วงนอนผิดปกติในเวลากลางวัน เป็นต้น โดยโรคนี้สามารถเพิ่มโอกาสการเป็นโรคร้ายแรง เช่น โรคทางระบบหัวใจและหลอดเลือด การรักษาหลักคือ การใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก”

รศ.พญ.นฤชา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถทนต่อการรักษาด้วยวิธีนี้ได้ ทีมแพทย์จึงหาวิธีการใหม่มาช่วยรักษา ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัย และมีความเหมาะสมต่อผู้ป่วยแต่ละราย

ล่าสุด รพ.จุฬาฯ ประสบความสำเร็จในการใช้เทคนิคพิเศษผ่าตัดรักษาผู้ป่วยโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นระดับรุนแรง ระดับปานกลางถึงรุนแรงมาก ด้วยวิธีการกระตุ้นเส้นประสาทสมองคู่ที่ 12 (HGNS)

โดยเป็นเทคนิคการผ่าตัดแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง แผลผ่าตัดเล็ก ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว โดย รพ.จุฬาฯ เป็นแห่งแรกของประเทศไทย และเป็นแห่งที่ 4 ในเอเชีย หลังจากประเทศญี่ปุ่น ประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกง ที่ขณะนี้มีการรักษาด้วยวิธีนี้

รศ.พญ.นฤชา กล่าวอีกว่า รพ.จุฬาฯ จะเปิดการรักษาด้วยวิธี HGNS ในอนาคตอันใกล้ ผู้ป่วยที่สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าของการรักษาด้วยนวัตกรรมนี้ได้จากข่าวสารของ รพ.จุฬาฯ

ด้าน ผศ.(พิเศษ) พญ.นทมณฑ์ ชรากร หัวหน้าหน่วยโสต ศอ นาสิกวิทยาการนอนหลับ ฝ่ายโสต ศอ นาสิกวิทยา รพ.จุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า รพ.จุฬาฯ มีศักยภาพสูงในการดูแลผู้ป่วยที่มีโรคจากการนอนหลับทุกประเภท ทุกสหสาขาวิชาชีพทำงานร่วมกันในการดูแลกลุ่มผู้ป่วยโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น

ผศ.(พิเศษ) พญ.นทมณฑ์ กล่าวต่อว่า ผู้ป่วยที่เหมาะกับการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดแบบ HGNS ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ โดยต้องมีระดับความรุนแรงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นระดับรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก ไม่สามารถทนการรักษาด้วยเครื่องอัดอากาศแรงดันบวกได้ และมีข้อบ่งชี้ตามเกณฑ์กำหนด

ผศ.(พิเศษ) พญ.นทมณฑ์ ชรากร

ผศ.(พิเศษ) พญ.นทมณฑ์ กล่าวอีกว่า การผ่าตัดแบบ HGNS จัดว่าเป็นเทคนิคการผ่าตัดทางเดินหายใจใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง แผลผ่าตัดเล็ก ความเจ็บหลังผ่าตัดน้อย และการฟื้นตัวเร็ว ปัจจุบันอุปกรณ์ดังกล่าวที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อปี 2567

หลักการของการผ่าตัด คือ การฝังเครื่องกระตุ้นเส้นประสาทสมองคู่ที่ 12 (Hypoglossal Nerve) เป็นกล่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ฝังลงไปในร่างกาย (Implantable Device) ที่บริเวณเหนือกล้ามเนื้อหน้าอก เพื่อส่งสัญญาณกระตุ้นไฟฟ้าที่เส้นประสาทสมองคู่ที่ 12 ทางฝั่งขวา เฉพาะแขนงที่ทำให้กล้ามเนื้อลิ้น (Genioglossus Muscle) เคลื่อนตัวไปข้างหน้า

ขณะที่มีอุปกรณ์จับสัญญาณการเคลื่อนไหวของทรวงอกว่ากำลังหายใจเข้าบริเวณชายโครงด้านขวา ทำให้ทางเดินหายใจเปิดโล่ง อุปกรณ์จะปล่อยพลังงานไฟฟ้าในขนาดที่เหมาะสม โดยการปรับสัญญาณไฟฟ้าให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ผู้ป่วยสามารถเปิด-ปิดอุปกรณ์ ผ่านทางรีโมทคอนโทรลที่ใช้งานง่าย เพียงกดปุ่มเดียว เพื่อเปิดใช้งานก่อนเข้านอนและปิดเมื่อตื่นนอน

ผศ.(พิเศษ) พญ.นทมณฑ์ กล่าวต่อว่า วิธีนี้เป็นการรักษาโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นที่มีมาแล้วมากกว่า 10 ปี ผ่านการรับรองโดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration: FDA) เมื่อปี 2557 (ค.ศ.2014) มีหลักฐานเชิงประจักษ์ถึงประสิทธิภาพการรักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและผลลัพธ์ดี ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการทำหัตถการนี้เกิดขึ้นภายในประเทศไทย

รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์

รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการ รพ.จุฬาลงกรณ์ และ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า นับเป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ทีมแพทย์ รพ.จุฬาฯ สามารถนำเทคนิคนี้มารักษาผู้ป่วยได้สำเร็จเป็นที่แรกของประเทศไทย และเป็นลำดับที่ 4 ของเอเชีย เป็นการเพิ่มทางเลือกในการรักษาให้กับกลุ่มผู้ป่วยโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นระดับรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นที่มีความประสงค์จะรักษาด้วยเทคนิคการผ่าตัดแบบใหม่นี้ จำเป็นต้องผ่านการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีข้อบ่งชี้ตามเกณฑ์ เพื่อความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.