คดีอื้อฉาวทางการเมือง ฮั้วเลือกสว.เมื่อปี 2567 เดินมาถึงช่วงสำคัญ งวดเข้ามาทุกขณะ
โดยในช่วงนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการสอบปากคำพยานในคดี ที่เชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินขบวนการใหญ่จัดตั้งฮั้วสว.
หลังเรียกสอบพยานกลุ่มแรก 7 คน เป็นเครือข่ายที่อยู่ในจ.สุราษฎร์ธานี ลำพูน และหนองบัวลำภู
จากที่ตรวจพบความเชื่อมโยงทั้งหมด 24 จังหวัด กระจายครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ
พยานกลุ่มแรกนี้ยอมเข้ามาให้การแล้ว 3 คน ยังเหลืออีก 4 คน ซึ่งชุดทำคดีคาดว่าจะสอบได้ครบทั้ง 7 ปากในวันที่ 9 ก.ค.2568
ขณะเดียวกันดีเอสไอไม่รอช้า เรียกสอบพยานกลุ่มที่ 2 ทันทีอีก 5 คน
ดีเอสไอระบุว่าทั้ง 5 คนล้วนมีพฤติกรรมคล้ายกับพยานกลุ่มแรก มีธุรกรรมการโอนเงินในช่วงการเลือกสว.
ดังนั้น จึงต้องตอบชี้แจงให้ได้ว่าทำไมถึงโอนเงินช่วงนั้น หรือเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องใดบ้าง
อีกทั้งเป็นไปได้ว่าพยานในลักษณะนี้มีมากกว่า 100 คน ที่ดีเอสไอจะต้องออกหมายเรียกมาให้การ
ต้องติดตามกันต่อ หลังพยานมาให้การแล้วจะมีใครบ้างถูกแจ้งข้อกล่าวหา หรือใครจะถูกกันไว้เป็นพยานมัดตัวการสำคัญ
รวมถึงหมายเรียกต่อไปจะมีบุคคลระดับสว. สส. และแกนนำพรรคการเมืองที่อยู่เบื้องหลังการจัดตั้งด้วยหรือไม่
ขณะที่การสอบคดีของคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็มาถึงจุดสำคัญแล้วเช่นกัน
เริ่มตั้งแต่ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหา แบ่งเป็น 7 กลุ่ม รวม 162 คน
ประกอบด้วย ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นสว.แล้ว 138 คน ส่วนที่เหลือเป็นสว.สำรอง สส. รัฐมนตรี นักการเมืองท้องถิ่น หัวหน้าพรรคการเมือง และผู้อยู่เบื้องหลังพรรค
ผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวเข้ามาชี้แจงแก้ต่างเรียบร้อยแล้ว ซึ่งครบกำหนดไปเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2568
ในส่วนนี้เข้าข่ายความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.
ล่าสุดสำนวนคดีใกล้เสร็จ พร้อมส่งให้กกต.ชุดใหญ่ 7 คนพิจารณาในช่วงกลางเดือนก.ค.นี้
เป็นอันว่าช่วงนี้ห้ามกะพริบตา ความเคลื่อนไหวคดีฮั้วสว.จะมีตามมาอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะส่งฟ้องคดีเข้าสู่ชั้นศาล
ข้าวตอกแตก