วันที่ 8 ก.ค.68 เวลา 13.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่กุฎิเจ้าอาวาสวัดม่วง บางแค ซอยเพชรเกษม 63 แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม. เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกับ กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และ ตำรวจ สน.เพชรเกษม เดินทางเข้าพบเจ้าอาวาสวัดม่วง และเจ้าคณะเขตหนองแขม กทม. เพื่อนิมนต์ให้เจ้าอาวาสมาชี้แจงรายละเอียดถึงบัญชีรายรับรายจ่าย โดยทางเจ้าอาวาสได้บอกว่า หากอยากได้ข้อมูลก็ให้พระเลขาเป็นผู้อธิบายแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้นิมนต์ให้เจ้าอาวาสเดินมาที่ศาลาประดิษฐ์ กลีบบัว ได้มีญาติโยมจำนวนหนึ่ง เข้ามายืนรอให้กำลังใจเจ้าอาวาส โดยบอกว่า วันนี้ให้กำลังใจเจ้าอาวาส เชื่อว่าเป็นคนดี ทำไมตำรวจไม่เอาเวลาไปจับโจร เก่งแต่กับพระ เจ้าอาวาสถูกใส่ร้ายจากพระคู่ขัดแย้ง ซึ่งเป็นพระไม่ดี ซึ่งตนทราบว่าเจ้าอาวาสมีเงินจริง เนื่องจากการเป็นพระรายรับเยอะทุกวัดอยู่แล้ว และมองว่าเป็นการเก็บเงินสะสมด้วย โดยเจ้าอาวาส มีลักษณะขี้งก จึงไม่แปลกที่มีเงินเยอะ แต่ไม่รู้รายละเอียดว่าหายได้อย่างไรรวมถึงเรื่องความขัดแย้งระหว่างพระนั้นมีสาเหตุอะไร
พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้วผกก.สน.เพชรเกษม กล่าวว่า สำหรับคดีที่ สน.เพชรเกษม เป็นผู้ดูแลเรื่องเงินหายนั้น มีความคืบหน้ามากพอสมควรแล้ว ยืนยันว่าในการทำงานของตำรวจไม่มีความขัดแย้งกัน แต่ยอมรับว่าเรื่องกล้องวงจรปิด มีบางส่วนที่ถูกกระดาษบังและไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่ก็สามารถกู้ภาพกล้องวงจรปิดกลับมาได้บางส่วน ซึ่งวันนี้ที่พระนิทัศน์ ประเสริฐ ไปสอบปากคำที่ บก.ปปป. ตำรวจ สน.เพชรเกษม ก็จะมีการประสานข้อมูลทั้งหมดมาตรวจสอบอีกครั้ง
ส่วนการสอบปากคำไวยาวัจกร ว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องเงินที่หายไปมากน้อยแค่ไหนนั้น พ.ต.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ขอยังไม่เปิดเผย เนื่องจากอยู่ในสำนวนคดี แต่ตำรวจมีหลักฐานที่สามารถดำเนินคดีได้ โดยเน้นย้ำว่า “ไม่มีอาชญากรไหนที่ไม่ทิ้งร่องรอย” สำหรับบัญชีของวัดจากการให้ข้อมูลในวันนี้พบว่ามีมากกว่า 3 บัญชี โดยแยกออกมาเป็นบัญชีวัดกับบัญชีส่วนตัว ซึ่งตรงนี้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยภาพรวมวันนี้ สน.เพชรเกษม เป็นเพียงผู้มาอำนวยความสะดวกเท่านั้น