‘มาครง’ ลั่น อังกฤษ-ฝรั่งเศส ควรเลิกพึ่งพา ‘สหรัฐ-จีน’ มากเกินไป
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส กล่าวเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ระหว่างเดินทางเยือนประเทศอังกฤษอย่างเป็นทางการ ว่าอังกฤษและฝรั่งเศสควรระมัดระวังการพึ่งพาสหรัฐอเมริกาและจีนมากเกินไป เพื่อลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและสังคม
มาครงได้กล่าวในสภาสามัญและสภาขุนนาง แสดงความยินดีที่อังกฤษและฝรั่งเศสมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอีกครั้ง โดยทั้งสองประเทศต้องร่วมมือกันต่อสู้กับความท้าทายต่างๆ และเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งให้กับยุโรป ทั้งในเรื่องความมั่นคง ผู้อพยพ สภาพภูมิอากาศ และการค้า
นอกจากนั้น มาครงยังกล่าวถึงโอกาสที่จะให้อังกฤษและฝรั่งเศสมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น เพื่อให้นักศึกษา นักวิจัย และศิลปินอาศัยอยู่ในอีกประเทศได้ง่ายขึ้น รวมถึงมองเห็นโอกาสที่อังกฤษและฝรั่งเศสจะร่วมมือกันในเรื่องปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และปกป้องเด็กในโลกออนไลน์
อังกฤษและฝรั่งเศสยังมีการประกาศว่า EDF บริษัทด้านพลังงานนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสจะลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บริเวณตะวันออกของประเทศอังกฤษ เป็นมูลค่าสูงถึง 1,100 ล้านปอนด์ หรือ 48,758 ล้านบาท ทั้งสองประเทศยังมีการแลกเปลี่ยนวัตถุโบราณของอีกฝ่าย โดยฝรั่งเศสจะให้อังกฤษยืมพรมผนังบาเยอ (Bayeux Tapestry) ไปจัดแสดงที่อังกฤษ ถือเป็นครั้งแรกที่พรมผนังบาเยอกลับไปที่อังกฤษในรอบกว่า 900 ปี ขณะที่อังกฤษจะให้ฝรั่งเศสยืมสมบัติของชาวแองโกล-แซกซันและไวกิ้ง
อย่างไรก็ตาม อังกฤษและฝรั่งเศสมีความตึงเครียดในเรื่องแนวทางที่จะหยุดไม่ให้ผู้ลี้ภัยนั่งเรือเล็กข้ามจากฝรั่งเศสมายังอังกฤษ แต่ทั้งสองประเทศร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในเรื่องการให้ความสนับสนุนยูเครนเพื่อต่อสู้กับรัสเซีย นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษหวังว่านั่นจะช่วยให้มาครงเปลี่ยนวิธีการที่จะแก้ปัญหาเรื่องผู้อพยพจากฝรั่งเศสไหลเข้าอังกฤษ
มาครงถือเป็นผู้นำยุโรปคนแรกที่ได้รับเชิญให้เดินทางเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ที่อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป หรือที่เรียกในชื่อ เบร็กซิต โดยมาครงได้เข้าเฝ้าสมาชิกราชวงศ์อังกฤษและร่วมงานเลี้ยงรับรองที่พระราชวังวินด์เซอร์
สุนทรพจน์ของผู้นำฝรั่งเศสในระหว่างการเยือนอังกฤษครั้งนี้เป็นสัญญาณว่าอังกฤษและฝรั่งเศสพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น เป็นผลงานจากความมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์ของอังกฤษที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพันธมิตรยุโรปหลังเบร็กซิต