ผู้ตรวจการแผ่นดิน ลงพื้นที่รับฟังข้อเท็จจริงเสียงสะท้อนจากชาวบ้าน ที่เคลื่อนไหวคัดค้านสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ จ.บุรีรัมย์ด้วยตัวเอง ต่างกังวลผลกระทบด้านการจราจร มลพิษทางน้ำ อากาศ และวิถีชีวิตเพราะอยู่ใกล้ชุมชน และแหล่งน้ำ ก่อนรวบรวมข้อมูลทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกันให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย และไม่เกิดผลกระทบประชาชน
(9 ก.ค.68) นายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมคณะฯ ได้ลงพื้นที่รับเสียงสะท้อนจากตัวแทนกลุ่มโอโซนรักบ้านเกิด และชาวบ้านในพื้นที่ อ.ชำนิ และ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ด้วยตัวเอง หลังได้รับร้องเรียนจากตัวแทนชาวบ้าน ที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการก่อสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล ว่ากระบวนการขั้นตอนการรับฟังความเห็นไม่เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนที่ถูกต้อง มีการทำในลักษณะมัดมือชก โดยการเข้ามากว้านซื้อที่ดินแล้วค่อยจะมีการเปิดเวทีรับฟังความเห็นหรือทำประชาคมชาวบ้านทีหลัง รวมถึงกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งเรื่องความปลอดภัยด้านการจราจรจากรถบรรทุกอ้อย ปัญหามลพิษจากฝุ่นละออง น้ำเสีย และวิถีชีวิต เพราะพื้นที่ก่อสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลดังกล่าว อยู่ติดแหล่งน้ำลำปะเทียซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค และทำการเกษตร รวมถึงจะกระทบวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนในชุมชนก็จะเปลี่ยนไป เพราะโรงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลที่จะก่อสร้าง มีพื้นที่ครอบคลุมถึง 5 กิโลเมตร
ทั้งนี้ ตัวแทนชาวบ้านยังได้ยื่นหนังสือกับผู้ตรวจการแผ่นดินเพิ่มเติมด้วย และหลังจากผู้ตรวจการแผ่นดินรับฟังเสียงสะท้อนจากชาวบ้านแล้ว ก็ได้เดินทางไปร่วมประชุมและรับฟังความเห็นจากตัวแทนผู้ประกอบการที่จะมาสร้างโรงงานน้ำตาล และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่ศาลากลางจังหวัดด้วย เพื่อจะรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่าย ไปประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนกลางอีกครั้ง
นายชัยพร มะลิวรรณ ผญบ.โคกปราสาท ตำบลหนองปล่อง กล่าวว่า สิ่งที่ชาวบ้านกังวลเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล คือปัญหาการจราจร มลพิษจากฝุ่นละออง น้ำเสีย และที่ชาวบ้านยังตั้งข้อสังเกตว่าการทำประชาคมไม่มีความตรงไปตรงมา ไม่มีหน่วยงานมาให้ความรู้กับชาวบ้านเกี่ยวกับผลดีผลเสียของการสร้างโรงงานน้ำตาลหรือโรงไฟฟ้าชีวมวลเลย แต่กลับเข้ามากว้านซื้อที่ดินแล้วค่อยเปิดเวทีประชาคม ก็หวังว่าการที่ผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่มารับฟังเสียงสะท้อนจากชาวบ้านในพื้นที่ด้วยตนเองครั้งนี้ จะได้รับทราบข้อเท็จจริง และจะไม่เกิดโรงงานน้ำตาลหรือโรงไฟฟ้าชีวมวลขึ้น
นางภณิตา เกื้อกระโทก ตัวแทนชาวบ้านตำบลหนองปล่อง บอกว่า โรงงานน้ำตาลที่จะก่อสร้างอยู่ใกล้กับชุมชน ทำให้ชาวบ้าน วัด โรงเรียน เกิดความกังวลว่าจะเกิดผลกระทบในหลายๆ ด้าน ที่สำคัญพื้นที่ที่จะก่อสร้างอยู่ใกล้ลำปะเทีย ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของคนในพื้นที่ จึงเกรงว่าการก่อสร้างโรงงานดังกล่าวจะเกิดผลกระทบด้านมลพิษทางน้ำ และอากาศอย่างแน่นอน แต่หากทางผู้ประกอบการยังดึงดันจะก่อสร้าง ชาวบ้านก็จะเดินหน้าคัดค้านจนถึงที่สุดเช่นกัน ก็อยากฝากถึงผู้ประกอบการว่าพื้นที่ที่กว้านซื้อไปแล้ว ควรจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นที่ไม่กระทบกับชุมชน และชาวบ้าน เช่น ปลูกป่า หรือโซล่าเซล
ขณะที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ระบุว่า หลังได้รับร้องเรียนจากตัวแทนชาวบ้าน วันนี้ก็ได้ลงพื้นที่มารับฟังความเห็นจากชาวบ้านด้วยตัวเอง ซึ่งชาวบ้านก็ได้สะท้อนเกี่ยวกับกระบวนการทำประชาคมที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงกังวลเรื่องผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการจราจร สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ เพราะสถานที่ตั้งโรงงานอยู่ใกล้กับชุมชน ซึ่งหลังจากรับฟังเสียงสะท้อนจากชาวบ้านในพื้นที่แล้ว ก็จะไปประชุมร่วมกับตัวแทนโรงงาน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็จะได้ไปตรวจสอบทั้งด้านกฎหมายผังเมือง กฎหมายอุตสาหกรรม รวมถึงกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องว่าการดำเนินการสอดคล้องกับกฎหมายหรือไม่ รวมถึงผลกระทบกับระบบนิเวศน์ ซึ่งก็จะรับฟังข้อมูลจากทุกด้าน เพื่อไม่ให้เกิดข้อขัดแย้งระหว่างประชาชนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รวมถึงข้อขัดแย้งกับผู้ประกอบการ และหน่วยงานรัฐด้วย แต่อย่างไรก็ตามผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะยึดเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นศูนย์กลาง