ทักษิณ ฉุนตัดขาด ฮุนเซน ปมแฉคลิปเสียง “อิ๊งค์”
ejan อีจัน July 11, 2025 07:38 AM

นี่แหละ “เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด” ของจริง ล่าสุด “ทักษิณ” ประกาศตัดขาด “ฮุนเซน” แล้ว

(9 ก.ค. 68) เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว เปิดเผยบทสัมภาษณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เข้าร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการพิเศษ “ผ่าทางตันประเทศไทย” ซึ่งในระหว่างสัมภาษณ์ มีการกล่าวถึงกรณีปัญหาชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา และประเด็นคลิปเสียงระหว่าง “อุ๊งอิ๊ง – ฮุนเซน” ว่าจะยังสามารถเป็นพี่น้องกับ “ฮุนเซน” ได้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “เคยเป็น แหมทำลูกผมขนาดนี้ ผมถึงกับช็อกกับความรู้สึกเลย ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร”

 

นายทักษิณ เล่าว่า ลูกของตน (อุ๊งอิ๊ง) จะโทรคุยกับตนตลอด วันนั้นลูกบอกกับตนว่า จะไปที่โรสวูด เพื่อไปพบกับ “ฮวด” เพราะเขาจะต่อสายให้คุยกับสมเด็จฮุน เซน ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ก็ได้เชิญ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม (ในขณะนั้น) , นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ และ นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิกาานายกฯ ไป 3 คน อยู่ด้วยกัน เพื่อคุยกับสมเด็จฮุน เซน ซึ่งรออยู่เกือบ 3 ชั่วโมง โดยเขาอ้างว่าหลับ ตนจึงให้ลูกกับคณะแยกย้ายกันกลับ

แต่จากนั้นไม่นาน สมเด็จฮุน เซน กลับโทรศัพท์มาที่เบอร์ส่วนตัวนายกฯ หลังจากทุกคนแยกย้ายกันแล้ว ซึ่งตนสงสัยว่าอาจจะไม่ได้หลับ แต่เตรียมการอัดเทป จึงเชื่อว่า เขาน่าจะรู้ว่าเรามีรัฐมนตรีกลาโหม และต่างประเทศอยู่ด้วย พร้อมยอมรับว่า “น่าเจ็บใจว่า ทำได้ยังไง”

ส่วนที่สมเด็จฮุน เซน มาโจมตีตนทีหลัง นายทักษิณ กล่าวว่า ก็ไม่เห็นเป็นไร ในเมื่อความสัมพันธ์มันจบก็จบไป ซึ่งตนพยายามสงสัยว่า “มันเกิดอะไรขึ้นวะ” คงไปเหยียบตาปลาอะไรเข้าสักอย่าง

นายทักษิณ เล่าต่อว่า ในวันที่เขาถอนกำลัง และมีรายงานว่ามีการเคลื่อนกำลังของเขมรกว่าหมื่นนายไปที่ชายแดน ตนโกรธมาก และโทรไปหาฮวดว่า “ฮวด เห้ยมึงบอกเจ้านายมึงสิ ไม่อยากพูดเอง พูดไปเดี๋ยวเกิดอารมณ์คุมไม่อยู่ ไปบอกเลยนะ ตกลงลูกเราเป็นผู้นำทั้ง 2 ประเทศ เราจะทำสงครามกันใช่ไหม”

ส่วนห้องนอนที่สมเด็จฮุน เซน เปิดภาพออกมาโดยอ้างว่าเป็นห้องที่นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้พักอาศัยนั้น นายทักษิณ กล่าวยอมรับว่า เป็นห้องนอนจริงๆ ส่วนสีห้องนอนสีชมพู พร้อมกล่าวติดตลกว่า “มันคงไม่ใช่รสนิยมผม”

ถามว่าต่อให้เป็นเรื่องคะแนนนิยมที่ตกต่ำ ฮุนเซนก็ไม่ควรจะทำกันขนาดนี้ แสดงว่ามีเรื่องอื่นด้วยหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เขาไม่ใช่ทำลายเรา เขาทำลายตัวเองด้วย เพราะความน่าเชื่อถือไม่มีแล้ว วันนี้ไม่มีใครคบเขาแล้ว ไม่มีใครเข้าไปพูดด้วยแล้ว เพราะไม่รู้ว่าพูดจะโดนอัดเทปด้วยหรือไม่

ส่วนจะเป็นเพราะเรื่องที่นายทักษิณไปพูดเกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์หรือไม่นั้น นายทักษิณ กล่าวว่า จำได้หรือไม่ ในช่วงที่ตนช่วยหาเสียงนายก อบจ. ตนบอกว่า ตึก 25 ชั้นเป็นที่ซ่องสุมคอลเซ็นเตอร์ และให้ตำรวจไปสืบจนได้หลักฐาน กลายเป็นว่าเศรษฐกิจเขมรหลอกลวงคนไทยไป

ตั้งแต่มีการปล่อยคลิปออกมา จนเป็นกับดัก น.ส.แพทองธาร ได้มีการพูดคุยกับสมเด็จฮุน เซนหรือไม่ นายทักษิณ เผยว่า “ไม่รู้จะคุยทำไม ผมส่งข้อความไปอันเดียวว่า สิ่งที่คุณทำแบบนี้ มันเสียหายทั้งคุณทั้งเรา และไม่ตอบอีกเลย”

ส่วนจะทำให้ปัญหาชายแดนบานปลายหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนไม่เคยคิดว่าจะบานปลาย ซึ่งวันที่ตนโทรไปโวยวาย กับฮวด เขาถามกลับมาว่า จะให้เขาทำอย่างไร ตนจึงบอกให้ถอนกำลัง และเขาก็บอกว่าจะอนุญาตให้ทหารเขมรที่อยู่ชายแดนพูดคุยกับทหารไทย และจะนำไปสู่การเจรจา JBC ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ แต่บังเอิญว่า วันจันทร์ทหารเขามีกำหนดไว้ก่อนหน้าแล้วว่าจะปิดด่าน เขาจึงโกรธว่าถอนทหารแล้ว แต่เราปิดด่าน และโกรธที่ น.ส.แพทองธาร ไปโพสต์ว่า “ไม่เป็นมืออาชีพ”

นายทักษิณ ย้ำว่า ที่สำคัญคือวันนี้เรากับกัมพูชาไม่อยู่ในสถานะประกาศสงครามต่อกัน เป็นเพียงแค่ความขัดแย้งชายแดน

“ผมสนิทมากเลย (ฮุน เซน) ผมสนิทจริงๆ ผมก็คิดไม่ถึงว่าคนสนิทกันขนาดนี้เป็นแบบนี้ แต่แน่นอนว่าถึงเวลาปัญหาประเทศมา ผมถือปัญหาประเทศเป็นเรื่องใหญ่”

ส่วนวันนี้จะยังเป็นเพื่อนกันอยู่หรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า “สงสัยต่างคนต่างลืมชื่อกันไปแล้ว”

ส่วนที่ว่าความสัมพันธ์ 30 กว่าปีแตกหักเพราะเรื่องนี้ (คอลเซนเตอร์) หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนก็ไม่เคยไปทำอะไรให้เขาโกรธ ถ้าจะโกรธก็เพราะเรื่องนี้แหละ ตนให้เกียรติ เขาก็ให้เกียรติ เรียกพี่ชาย ส่วนที่บอกว่า ป่วยไม่จริงนั้น “อยากจะพูดไรก็พูดไป” พร้อมตัดพ้อว่า คนไทยก็แปลก ที่มีคนเข้าข้างเขมรส่วนหนึ่ง ซึ่งควร “ไปเข้า Google ดูว่า พญาละแวกคือใคร จะได้เข้าใจมากกว่านี้”

ส่วนเรื่องนี้ใหญ่เพราะไปคุกคามทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ กล่าวว่า เราชอบเล่นงานกันเอง เราไม่ได้คิดว่าการทำแบบนี้ของผู้นำ ซึ่งไม่ใช่ผู้นำด้วย สมเด็จฮุนเซน ไม่ใช่ผู้นำ แต่เป็นลูกชาย ซึ่งการคุยกับฮุน เซน นายกฯอื๊งค์ไม่ได้คุยกับผู้นำกัมพูชา แต่เป็นการพูดคุยในฐานะคนคุ้นเคย หวังว่าจะทำให้เขาใจอ่อนเพื่อจะได้ช่วยกัน ซึ่งนักธุรกิจเวลาเจอกันมีสองมุมคือ การประนีประนอม หรือเจรจาแบบรุนแรง ซึ่งเราใช้การประนีประนอม เพราะเรารู้จักกัน ไปมาหาสู่กัน ซึ่งเรียกเป็นอังเคิล เป็นบราเดอร์กันอยู่ ซึ่งไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ต้องขอโทษพี่น้องว่า เป็นความผิดพลาดที่คบคนแบบนี้

ขอบคุณข้อมูล : เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.