จากกรณีที่หญิงรายหนึ่ง ส่งภาพร้องเรียนมายังเพจ “พี่หลวงย้อย มาแล้ว” ว่าเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เนื่องจากมีภาพหลุดพลอดรักกับสีกา
โดยเมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมา เจ้าอาวาสรูปนี้ได้เดินทางมาชี้แจงกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งผลการสอบปรากฏว่า เจ้าอาวาสวัดดังกล่าวไม่ได้กระทำความผิดแต่ประการใด ภาพที่เด็กผู้หญิงอยู่ในนั้น เกิดจากการที่เด็กผู้หญิงจัดฉากมาขอเงิน 500 บาท และต้องการล้วงเข้าไปในกระเป๋า เพื่อค้นหาเงิน โดยให้มีเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งเป็นคนถ่ายรูปเก็บไว้ เมื่อไม่ได้เงินตามที่ต้องการแล้วก็ได้ลงจากศาลาไป จากนั้นก็ได้พยายามโทรมาขอเงินอยู่เรื่อยๆ โดยการข่มขู่ว่าถ้าจะไม่ให้เงินก็จะปล่อยคลิป หรือภาพถ่ายที่ได้ถ่ายไว้สู่โลกโซเชียล ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ข่มขู่เจ้าอาวาสไม่เคยได้ให้เงิน ครั้งสุดท้ายได้ข่มขู่เมื่อเดือนที่แล้วขอเงิน 5,000 บาท แต่เจ้าอาวาสไม่ได้ให้ เด็กสาวจึงไปร้องเรียนจึงได้นำภาพดังกล่าวไปให้ข่าว เพื่อต้องการเอานักข่าวมาบีบในการหาเงิน
และบทสรุปของเรื่องดังกล่าวที่ประชุมจึงสรุปให้เจ้าอาวาสแจ้งความดำเนินคดีใน ข้อหาข่มขู่กระโชกทรัพย์ ทำลายเสื่อมเสียพระศาสนา และมาตราอื่นๆที่ จะดำเนินการได้ทางกฎหมายจนถึงที่สุดต่อไป
ต่อมาวันที่ 10 ก.ค. 68 น.ส.กิ่ง ผู้ร้องเรียน ได้เดินทางมาเข้าพบกับพระครู 1 ในคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าว หลังจากพระครูได้ฟังเรื่องราวจากจนครบถ้วน จึงชี้แจงกับ น.ส.กิ่งว่า
จากกรณีดังกล่าว ทางคณะกรรมการมีการไต่สวนตามขั้นตอนแล้ว ยอมรับว่าเป็นการตัดสินจากภาพหลักฐานที่มีเพียงไม่กี่รูป อีกทั้งตอนแรกมีการขอข้อมูลกับ น.ส.กิ่งไปแล้วข้างต้น แต่ น.ส.กิ่ง กลัวตัวเองมีความผิด จึงให้ข้อมูลมาแบบไม่ครบถ้วนผ่านทางผู้รับร้องเรียน และเมื่อนำข้อมูลภาพต่างๆ ไปสอบถามข้อเท็จจริงกับเจ้าอาวาสวัด ก็สามารถโต้แย้ง และชี้แจงได้ทุกกรณี รวมถึงจะมีการเอาผิดฐานกรรโชกอีกด้วย
ดังนั้นสรุปแล้วว่า ผู้ร้องเรียนมีหลักฐานมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ในการคัดค้านการไต่สวนวันนี้ ทำให้ทางตน พร้อมกับคณะกรรมการ ปรึกษากันและเห็นตรงกันว่าจะให้ เจ้าอาวาสไม่ถึงขั้นปาราชิก แต่จะพิจารณาให้ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส และให้หาวัดที่พำนักใหม่นอกพื้นที่ต่อไป
ขณะที่ น.ส.กิ่ง (นามสมมติ) อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นผู้ร้องเรียน บอกว่า เมื่อประมาณปี 64 ตนเองเห็นหญิงสาวรายหนึ่ง ชื่อ น.ส.ฟิว (นามสมมติ) อายุประมาณ 21 ปี ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เดินเข้าไปในวัด ซึ่งตนเองเห็นพฤติกรรมว่าเจ้าตัวมักจะเดินเข้าไปในวัดบ่อยครั้งตลอด จึงอยากรู้ว่าเข้าไปทำอะไร เลยตามไปดู และเมื่อตนเองไปแอบดู จึงเห็นว่า น.ส.ฟิว เดินเข้าไปในศาลาการเปรียญของวัด ซึ่งมีการกั้นห้องไว้ทำเป็นกุฏิเจ้าอาวาส แต่เป็นการกั้นห้องที่ไม่มีประตู ทุกอย่างเปิดโล่ง จึงเห็น น.ส.ฟิว เข้าไปนอนเกี่ยวขากับทางเจ้าอาวาส แต่ไม่มีการกอดจูบลูบคลำอะไรกัน จึงมีการถ่ายภาพเก็บเอาไว้
แต่ไม่ได้เข้าไปถามตัวของ น.ส.ฟิว ลูกพี่ลูกน้องว่าเข้าไปทำอะไร เพราะเคยทะเลาะกันมาก่อน และไม่ค่อยถูกกัน หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที น.ส.ฟิวก็เดินออกมา ตนจึงได้เข้าไปดักรอเจ้าอาวาสทันที และไปถามว่าทำอะไรกับน.ส.ฟิว แล้วเจ้าอาวาส ก็บอกเพียงว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ก่อนตนจะตอบกลับเจ้าอาวาสไปว่า “ตนเองเห็นทุกอย่าง และมีการถ่ายภาพหลักฐานไว้ด้วย และถ้าเห็นว่าทำแบบนี้ จนทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย ตนเองจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับชาวบ้านให้” ซึ่งทางเจ้าอาวาสก็มีท่าทีตกใจ หลังเห็นว่าตนเองถ่ายภาพเก็บไว้ เจ้าอาวาสก็จะยื่นเงินให้ตนจำนวน 1,000 บาท แต่ตนไม่ได้รับไว้ ต่อมาเจ้าอาวาสโทรศัพท์ มาต่อรองกับตน “ขอได้ไหม ว่าอย่าปล่อยรูปชุดนี้ออกไป เพราตนจะเสียหาย แล้วหากไม่ปล่อย ตนเองก็จะให้เงินด้วยอีกเดือนละ 5,000 บาท ตลอดไปเป็นค่าตอบแทน”
ทำให้ตนก็รับปากและรับเงินมาติดต่อกัน 2 เดือน รวมเป็นเงิน 10,000 บาท โดยยอมรับว่านำเงินนี้ ไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ก่อนที่ประมาณ 6 เดือนหลังจากนั้น ทางเจ้าอาวาสก็ไม่ได้ให้เงินตนเลย แต่ทางตนยังคงโทรไปหาเพื่อเตือนตลอดว่า “เจ้าอาวาสยังมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับสีกาอีกหรือไม่ หากรู้ว่ามีอีก ตนเองจะเอาภาพไปปล่อยให้ทุกคนรู้เรื่อง” และเรื่องนี้ทำให้เจ้าอาวาส บอกกับตนว่าขอให้จบ และอยากจะรับตนเองเป็นลูกบุญธรรม เนื่องจากเห็นว่าตนเองไม่มีพ่อ ไม่ทีแม่ จึงยอมโอนเงินมาให้ตนเดือนละ 5,000 บาท ทุกเดือนจนปัจจุบัน และตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน ตนเองก็ได้เงินมาจากเจ้าอาวาสแล้วกว่า 200,000 บาทด้วยกัน มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าทำไมจึงรับเงินก้อนนี้ไว้ น.ส.กิ่ง บอกว่า เขาให้ก็รับไว้ คิดว่าให้ในฐานะที่เป็นลูกบุญธรรมไม่ได้เกี่ยวกับคลิป
ทั้งนี้ช่วงปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนเองได้ข้อมูลแต่ไม่มีหลักฐานใดๆ ว่าเจ้าอาวาส ยังคงมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับสีกา ทำให้ตนเองจึงตัดสินใจนำภาพที่ถ่ายเอาไว้เป็นหลักฐานมาร้อง เพื่อไม่ให้เจ้าอาวาสนั้นเป็นมารศาสนาอีก และต้องการให้เจ้าอาวาสสึกออกไปทันที เพราะไม่ชอบพฤติกรรมในการทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย ส่วน น.ส.ฟิว ลูกพี่ลูกน้องตน ยอมรับว่าไม่ถูกกัน และไม่ได้ติดต่อกันมานานหลายปีแล้ว จึงจำไม่ได้ทั้งชื่อจริง พ่อแม่ชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหนทั้งสิ้น
ขณะเดียวกันทีมข่าวเดินทางมาที่วัดดังกล่าว ตั้งอยู่ใน อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นวัดที่ผู้ร้องเรียนมีการกล่าวหาและพาดพิงถึง โดยชาวบ้านรายหนึ่ง บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการจัดฉาก เพื่อต้องการแบล็กเมลเจ้าอาวาส โดยเจ้าอาวาสวัดรูปนี้ ขณะนี้อายุ 79 พรรษา มีอาการอาพาธ และอายุเยอะแล้ว เหยียบมดมดก็ไม่ตาย แล้วจะเอาเรี่ยวแรงอะไรที่ไหนไปพลอดรักกับสีกา
โดยเจ้าอาวาสจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ ตั้งแต่อายุได้ 21 ปี ก่อนจะขึ้นมาเป็นเจ้าอาวาสวัด และปฏิบัติดีมาโดยตลอด ไม่เคยมีพฤติกรรมเสื่อมเสีย วันนี้ช่วงเช้าที่เป็นวันทำบุญใหญ่ ชาวบ้านก็มาทำบุญกันเป็นจำนวนมาก เพราะทุกคนยังเชื่อมั่นในตัวของเจ้าอาวาส ไม่อย่างนั้นคนคงจะออกมาขับไล่ไปแล้ว