เปิดเอกสารโบราณ ร.1 พระ-โยมล่วงศีล วินัยทรุด ชี้ภัยใหญ่ศาสนา
GH News July 11, 2025 10:05 AM

วันที่ 11 ก.ค.68 ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ระบุว่า ...

ปัญหาพระสงฆ์

และกฎหมายพระสงฆ์สมัยรัชกาลที่ 1

“หมู่อะลัชีภิกษุมีน้ำใจทำลายพระสาศนา แลฝ่ายฆราวาศ สีกาก็คุ้นเคยนำเอาอามิศอาหารเปนต้นออกมาบำเรอภิกษุสามเณรบาปอะลัชี นั่งในกุฏีที่กำบังอันควรจะเกี้ยวพาลพูดจาอยิกอยอก สำผัศกายกระทำเมถุนธรรมได้นั้น

ฝ่ายภิกษุสามเณรบาปลามก ครั้นคุ้นเคยเข้ากับสีกาแล้ว ก็เข้าบ้านออกบ้านผิดเวลาราตรีพูดจาสีการูปซี ก็มีความเสน่หารักใคร่

ทั้งสองฝ่ายสำผัศกายกระทำเมถุนธรรมปาราชิกแลลึงค์เถรไถยสังวาศ เปนครุโทษห้ามบรรพชาอุปสมบท จะบวชมิเปนภิกษุสามเณรเลย

อย่างอ้ายดีบวชอยู่วัดโพ เสพเมถุนธรรมกับอีทองมาก

อีเพียน อีภิม อีบุนรอด อีหนู อีเขียว แลอ้ายทองอยู่เสพเมถุนธรรมกับอีทองอิน

แลเณรปิ่นอยู่วัดโพ เสพเมถุนธรรมกับอีคุ้มเมียพระแพทย

แลเณรทองเสพเมถุนธรรมกับอีชีนวนอยู่หลังวัดบางว้าใหญ่เปนปาราชิก

อ้ายเป้าบวชอยู่วัดพวาเสพเมถุนธรรมกับอีจันลาวจนมีบุตร

อ้ายลุนบวชอยู่วัดบางขุนพรหม จ้างเขียนหนังสือเอาให้อีปิ่นโขลนกู้สิบบาทแล้ว ๆ เสพเมถุนธรรมกับอีปิ่นโขลนเปนปาราชิก

แลมหาลังกับชีแก้วอยู่วัดคงคาพิหารแต่สองต่อสอง เป็นที่สงไสยใกล้ปาราชิก

เณรนุ่มอยู่วัดเสาธง เข้าไปบ้านเปนนิจกับประศกสีกา

แลทิศอยู่วัดหงษนอนกับอีเป้าภรรยานายฤทธิบนเตียงในมุ้งเปนศีลวิบัติใกล้ฉายาปาราชิก

เถรษาสัปดนเปนคนชั่วตัวเปนเถรห่มคลุมใส่ผ้าพาดบ้าง ทำอย่างภิกษุเปนไถยสังวาศ แลปลอมบวชเปนภิกษุอยู่สาศนา

แลเณรอยู่ศิษยพระนิกรม นอนในมุ้งกับอีทองคำภรรยานายกรมช้าง แลคบเถาเล่นเบี้ย

แลมหาอิน มหาจันวัดนาค พูดกับอีมุ้ยในที่ลับเปนที่สงไสยใกล้ฉายาปาราชิก จงถึงพระนิกรมเปนราชาคณะ

ไม่มีหิริโอตับปะเกรงสิกขา อยาบช้าพูดจาเกี้ยวพากับสีกาเปนบ้ากาม

อวดรูปจับข้อมืออีฉิม ๆ อบผ้าห่มส่งให้เอาผ้าไว้จูบกอดนอน แลนอนเอกเขนกให้สีกาพัดลอยน่าหาความอายไม่

มหาขุนศิษยพระนิกรม ก็จับแก้มอีขาวแล้วพูดเกี้ยวพาอีลี ๆ รักยอมถอดแหวนให้

แลผู้มีชื่อทั้งนี้กระทำทุจริตผิดหนักหนา เปนมหาโจรปล้นพระสาศนาชุกชุมขึ้น ทั้งนี้

เพราะราชาคณะอธิบดีเถรานุเถระผู้เปนอุปฌาอาจาริย หาความกะตัญูกัตเวทีต่อพระสาศนาไม่

มิได้ประพฤติ์ตามพระพุทธฏีกาสัตตาปริหานิยธรรมเจ็ดประการ

มิได้ประชุมพร้อมกันตรวจตราว่ากล่าวให้เหนดีแลร้ายไม่มี

หากว่าผู้มีชื่อฆราวาศเอาเนื้อความมาว่าจึ่งปรากฏขึ้น ได้เอามาชำระว่ากล่าวขับเฆี่ยนพันทนาการ ประจานโทษตะเวนบกสามวันเรือสามวัน เพื่อจะมิให้ดูเยี่ยงกันทำลายพระสาศนา

ทรงพระกรุณาจะใคร่ยกโทษพระราชาคณะทั้งปวงอีก แต่ให้งดโทษไว้ครั้งหนึ่งก่อน แลพระราชาคณะเปนอธิบดีสงฆ์ รู้พระไตรยปิฎก ควรจะรู้คุณพระศรีรัตนไตรยว่า อาตมานี้เทพามนุษยทั้งปวงกระทำนมัศการเคารพเปนที่บูชาทั้งนี้ เพราะอำนาทอาตมาเองหามิได้ เพราะคุณพระรัตนไตรยสถิตอยู่เหนือเศียรเกล้าอาตมา ควรจะกะตัญูกัตเวทีสนองพระคุณรักษาพระพุทธสาศนาอย่าให้เศร้าหมองจงได้

มาทว่าจะขัดสนประการใด ฝ่ายข้างพระราชอาณาจักร ก็ได้ถวายปติญาณเปนโยมขาดในพระพุทธสาศนาแล้ว ควรจะเอาเนื้อความข้อขัดในพระสาศนานั้น มาแจ้งถวายพระพร อันนี้ก็มิได้กระทำ

แต่ฝ่ายข้างพระราชอาณาจักรนี้เร่งร้อนรนหนัก ให้นักปราชราชบัณฑิตยสังฆการีธรรมการ ออกมาประเดียงแจกกฎหมายให้พระราชาคณะทั้งปวง เร่งกำชับตรวจตรากันรักษาพระจัตุปาริสุทธิศีล ปรฏิบัติตามคันธธุระวิปัศนาธุระ แลพระราชกำหนดเก่าใหม่อยู่เนือง ๆ ฉนี้ ก็ยิ่งมีสมณะสามเณรเปนมหาโจรปล้นพระสาศนาขึ้นมากมายฉะนี้ มิควรหนักหนา

แต่นี้สืบไปเมื่อน่า ห้ามมิให้สมณะสามเณรเถรชี กระทำความชั่วทุจริตผิดพระวินัยบัญญัติบันดาพรรณนาโทษมานั้น แลห้ามมิให้เอาเยี่ยงอ้ายอีมีชื่ออันกระทำอยาบช้าทำลายพระสาศนา อันกล่าวมาในต้นพระราชกำหนดนั้นจงทุกประการ

อนึ่ง พระราชาคณะทั้งปวง ก็ได้ถวายปติญาณว่า จะกำชับว่ากล่าวให้พระสงฆ์สามเณรรักษาชาตะรูปะระชะฏะสิกขาบทอันนี้ให้บริบูรณ ฟังดูก็เหนหายุติไม่

กฎแต่ก่อนก็ให้ประกาศไปว่าจะเอาโทษทั้งสมณะแลฆราวาศ

แลให้สังฆการีธรรมการสอดแนมจับเอาตัวผู้ถวายเงินทอง แลภิกษุเถรเณรชีผู้รับเงินทองให้ได้ เอามาว่ากล่าวแลเถรเณร ให้รู้สิกขาบทของตัวและเล่าเรียนพระบริญัติ

โยมวัดกับเถรเณรให้ถากซายดายหญ้าแผ้วถางวัดวาอารามให้เตียน ให้พระสงฆ์เอาคราดกราดพื้นอารามให้ราบรื่นเปนพุทธบูชาจำเริญศรัทธาเทพยาดามนุษยทั้งปวง”

(ดูอ้างอิงในคอมเมนต์)

 

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.