”คานิว่า“ ดึงวง "BUS" รุกลูกค้า นิวเจน รับเทรนด์ คนไทยลูกน้อย-สูงวัยเพิ่ม ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโต
ข่าวสด July 12, 2025 12:02 PM

”คานิว่า“เผยคนไทยลูกน้อย-สูงวัยเพิ่ม ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโต พร้อมเดินเกมมิวสิคมาร์เก็ตติ้ง ดึงวง “BUS” ขยายการจดจำแบรนด์กลุ่มลูกค้านิวเจน หรือเจน Z และ Alpha พร้อมรุกตลาดส่งออกเพิ่มเป็น 20 ประเทศ เตรียมลงทุนคลังสินค้าเพิ่ม รองรับยอดขายโต ขณะที่ปีนี้วางเป้าเติบโต 30%

นายจารุวัฒน์ เลาหวิศิษฏ์ กรรมการบริหาร บริษัท เพ็ท โพรเทคท์ ฟู้ด จำกัด เปิดเผยว่ามูลค่าตลาดของธุรกิจสัตว์เลี้ยงในปี 2568 ค่ดจะอยู่ที่ราว 47,000 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตยังไปในทิศทางที่ดี แต่เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจซึ่งมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้คาดเดายากว่าพฤติกรรมการจับจ่ายสินค้าเกี่ยวสัตว์เลี้ยงจะเป็นไปทางใด แต่ยังเชื่อว่ายังเติบโตได้ในระดับ 7-10% เนื่องจากคนไทยมีลูกน้อยลง และเข้าสู่สังคมสูงวัยมากขึ้น ทำให้การมีสัตว์เลี้ยงสามารถเยียวยาจิตใจได้

ขณะเดียวกันจากมูลค่าตลาดดังกล่าว แบ่งเป็นอาหารแมวราว 10,000 ล้านบาท ซึ่งพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เลี้ยงแมว เจ้าของอดได้แต่แมวอดไม่ได้ ทำให้การเติบโตยังไปได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับตลาดอาหารสุนัขแม้มูลค่าตลาดจะสูงกว่า หรือหากเทียบมูลค่าตลาด 65% จะเป็นตลาดอาหารสุขนัข และ 35% เป็นมูลค่าตลาดอาหารแมว แต่ยอดการใช้จ่ายอาหารสุนัขมีทิศทางลดลง เพราะด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้เจ้าของสุนัขบางส่วนจากเดิมที่เคยซื้อของแพงมาซื้อราคาถูกลง และเจ้าของสุนัขบางส่วนเลือกให้อาหารที่คนกิน เลี้ยงสุนัขด้วย

ทั้งนี้ในส่วนของเพ็ทโพรเทคท์ ซึ่งดำเนินธุรกิจอาหารแมวและสุนัข Kaniva (คานิว่า) ครบรอบ 5 ปี มีการเติบโตต่อเนื่อง (CAGR) 200% โดยล่าสุดเมือปี 2567 มีรายได้ กว่า 1,100 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากการบริหารร้านอาหารสัตว์ หรือ เพ็ท ช็อป ทำให้เห็นถึงความต้องการของเจ้าของสัตว์เลี้ยงสู่การพัฒนาแบรนด์คานิว่า โดย 90% เป็นอาหารแมว และ 10% เป็นอาหารสุนัข ที่มีจุดยืน “คุณภาพ ที่เข้าถึงได้”

โดยปัจจุบันมีสินค้ามากกว่า 100 เอสเคยู และถือเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรก ที่คิดค้นและพัฒนาสินค้าสูตรเฉพาะอย่าง อาหารเปียกแมวซีรีส์ “ไข่ตุ๋น”, “วิตามินบอล” และ “คอลลาเจนบอล” ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดี รวมถึงใช้มิวสิคมาน์เก็ตติ้งเป็นเครื่องมือสื่อสารหลัก จนกลายเป็นต้นแบบของแบรนด์อื่นในอุตสาหกรรม

ขณะเดียวเพื่อขับเคลื่อนยอดขายในปีนี้ให้เติบโตได้ต่อเนื่อง 30% ล่าสุดบริษัทได้เพิ่มงบการตลาดมากขึ้นจากปีที่แล้ว 250% ด้วยการเปิดตัววง T-POP “BUS” และ เจษ-เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ ในฐานะพรีเซนเตอร์ของแบรนด์ ถือเป็นการยกระดับแคมเปญการตลาดเชิงอารมณ์ภายใต้คอนเซปต์ “The best thing in the world is when you find someone like you – การที่เราได้เจอใครที่เหมือนเรา คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต” ที่ถ่ายทอดความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของและสัตว์เลี้ยงในยุค Pet Humanization อย่างแท้จริง

อย่างไรก็ดีแคมเปญนี้ไม่เพียงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้เลี้ยงสัตว์ยุคใหม่ ผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z และ Alpha ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมบริโภคชัดเจนและพลังซื้อเติบโตในอนาคต โดยใช้การสื่อสารผ่านศิลปินที่มีอิทธิพลสูงในโซเชียลมีเดีย ควบคู่กับการใช้สื่อนอกบ้าน มากกว่า 100 จุดทั่วกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า BTS และ MRT,รวมถึงจอ LED และ บิลบอร์ด เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ดีในปี 2564 บริษัทได้มีการขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศอินโดนีเซีย ก่อนจะขยายตลาดครอบคลุม 18 ประเทศ ทั้งในอาเซียน ไต้หวัน ฟิลลิปินส์ ซาอุดิอาราเบีย การ์ต้า และ สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ เป็นต้น และเตรียมขยายเพิ่มเป็น 20 ประเทศ ส่วนของช่องทางการจำหน่ายในประเทศครอบคลุมทั้งช่องทางออนไลน์ และร้านค้ากว่า 6,000 แห่ง โดยบริษัทเตรียมลงทุนขยายคลังสินค้าจากปัจจับันที่ขยายไปแล้วถึง 45,000 ตร.ม. ซึ่งรองรับเกือบเต็มกำลังการผลิตแล้ว อีกทั้งในปลายปีนี้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วย

“ในส่วนของการผลิตบริษัทได้มีเซ็นสัญญาว่าจ้างเพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตเผื่อในอนาคตไว้แล้วเช่นกัน”

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.