ผู้เขียน | สุชาติ ศรีสุวรรณ |
---|
หมดอยาก ‘ต้องสำเร็จ’
เมื่อได้ยิน “ผมไม่เสือกแล้วใครจะเสือก” เต็มปากเต็มคำจาก ทักษิณ ชินวัตร ทำให้ต้องไล่ดูรายการวิเคราะห์ข่าวต่างๆ ที่เผยแพร่กันมากมายในโซเชียลมีเดีย
ด้วยเชื่อว่าหมายถึงอดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็น “จิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย” “ประกาศลงมาเล่นเต็มตัว” หลัง ลูกสาว-แพทองธาร ชินวัตร ถูกคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี
ยิ่งมีคำพูดในทำนอง “ไม่มีเศรษฐา ทวีสิน ไม่มีแพทองธาร แต่มีผม ไม่มีใครทำอะไรผมได้เพราะผมไม่มีตำแหน่งอะไร”
ยิ่งชัดว่า “ทักษิณ” ประกาศตัวเป็น “ผู้นำตัวจริง”
และเป็นอย่างนั้นได้จริงเสียด้วย เพราะย่อมรับรู้กันดีว่าทั้ง “คณะรัฐมนตรี” และ “ข้าราชการ” ต่างพร้อมจะฟัง “ทักษิณ”
ใครที่คิดว่า “นายกรัฐมนตรี” ถูกให้หยุดทำงาน แล้วจะเกิดเกียร์ว่างในพรรคร่วมรัฐบาล และกลไกราชการย่อมเป็นการคิดผิด
กระจายตามดูท่าทีของนักจัดรายการสื่อต่างๆเพื่อประเมินกระแสว่าตอบรับการประกาศ “เล่นเองเต็มตัว” ของ “ทักษิณ” ก่อให้เกิดแนวโน้มของกระแสไปทางไหน
หลังจากนั้นมาเปิดการให้สัมภาษณ์แบบเต็มๆ ของ “ทักษิณ” ในรายการ “ผ่าทางตันประเทศไทย” ของ “55 ปีเนชั่น” ดูอย่างตั้งใจทำความเข้าใจในเนื้อหาประเด็นต่างๆ โดยละเอียด เพื่อหาคำตอบให้ตัวเองใน 2-3 เรื่อง
1.หลังโดนน่วมไปทุกด้าน ทั้งคดี 112 เริ่มทำการสืบพยาน-ชั้น 14 ถูกรื้อขึ้นมาพิจารณา-เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดจนกระทบต่อเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของลูกสาว-พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากร่วมรัฐบาล-แกนนำมวลชนเคลื่อนม็อบใหญ่ต่อต้าน ทุกเรื่องเป็นสัญญาณในทางร้าย เช่นเดียวกับภาวะเศรษฐกิจที่มีแต่ทรุด ภาษีทรัมป์-ท่องเที่ยวทรุด-โครงการเรือธงที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจต้องระงับทั้งหมด
“ทักษิณ” ถอดใจกับอุปสรรคที่โหมเข้าต้านนี้หรือไม่
2.ฟังละเอียดด้วยอยากเห็นให้ชัดว่า “ทักษิณ” อยู่กับหัวใจของปัญหาประเทศ ที่มีมาจากโครงสร้างอำนาจที่เป็นอุปสรรคต่อเสถียรภาพรัฐบาล อันเป็นเงื่อนไขสำคัญต่อประสิทธิภาพการบริหารประเทศ ที่จะทำได้อย่างมีพลังและคล่องตัวหรือไม่
3.“ทักษิณ” จัดการกับประสิทธิภาพการบริหารที่มีข้อจำกัดด้วยวิธีไหน
คำตอบจากการฟังอย่างตั้งใจคือ “ทักษิณ” เผชิญกับสารพัดอุปสรรคได้ “นิ่งมาก” วางทุกภารกิจและเงื่อนไขไว้กับความเป็นจริง จัดการไปตามที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน แต่ละชั่วโมง
เก้าอี้นายกรัฐมนตรีรอการตัดสิน หากให้“อุ๊งอิ๊ง” พ้นตำแหน่ง ก็เดินหน้าต่อด้วย “ชัยเกษม นิติสิริ” หรือ “ยุบสภา” เลือกตั้งกันใหม่
หากตัดสินว่า “แพทองธาร” ไม่ผิด ก็ทำหน้าที่นายกฯต่อยาวไป เอาปัญหาต่างๆ มาแก้ทีละเรื่อง สางทีละปม โดยเชื่อว่าจะหาเสียง ส.ส.มาสนับสนุนเพิ่มให้รัฐบาลแข็งแกร่งขึ้นได้
“ทักษิณ” ยังเชื่อมั่นว่าตัวเองยังเป็นตัวเลือกของ “ขบวนการควบคุมอำนาจ” ที่จะทำงานต่อไป ด้วยการตอกย้ำความเชื่อนั้นปิดท้ายการสัมภาษณ์ว่า “ผมไม่อันตรายกับใคร”
เมื่อลงในรายละเอียดของปัญหาและวิธีแก้ ชัดเจนว่า “ทักษิณ” เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าอุปสรรคการบริหารประเทศอยู่ตรงไหน จะแก้ต้องเคลียร์อย่างไร รู้หมดทั้งสภาวะของปัญหา สาเหตุ หนทางวิธีการที่จะไปให้พ้นจากปัญหา
แต่อย่างที่บอก การแสดงออกของ “ทักษิณ” รอบนี้ “นิ่งมาก”
ทั้งที่รู้ ทั้งที่เห็น และมีเรื่องที่ทำให้ต้องลำบากใจ แต่ “ไม่ตื่นเต้น”
เป็นท่าทีแบบ “ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ไม่ทำ” หรือ “ทำเท่าที่ทำได้ หรือได้รับอนุญาตให้ทำ”
อะไรที่ทำแล้วจะทำให้ “ตัวเองและครอบครัวเดือดร้อน” ไม่ทำ
เป็นการทำอย่างคนรู้ปัญหา และรู้ว่าจะทำอย่างไร แต่ไม่ดิ้นรนที่จะต้องทำให้ได้ อยากแก้ปัญหาให้ประชาชน อยากพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง และรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ทำเท่าที่ทำได้ อะไรที่ไม่ให้ทำก็ไม่ทำ
ขอเพียงยังรักษา “การเป็นตัวเลือกมาทำให้มีอำนาจในการบริหารจัดการ” ไว้ อย่าให้ตัวเลือกเป็นคนอื่น
เอาแค่นั้น
สุชาติ ศรีสุวรรณ